|
 |
กมธ.วุฒิชำแหละด้านเกษตร กองทุนฟื้นฟูไร้ผลงาน
|
|
กรณีการออกมาเรียกร้องของกลุ่ม สมัชชาเกษตรกรภาคอีสาน (สกย.) ที่นำโดยนายนคร ศรีวิพัฒน์ เลขาธิการสมัชชาเกษตรกรรายย่อย ที่มีจุดมุ่งหมาย เพื่อให้มีการปลดนายสมาน เลิศวงศ์รัฐ ออกจากตำแหน่งรักษาการเลขาธิการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร เนื่อง จากเป็นคนที่ทางการเมืองส่งเข้ามาซึ่งถือ เป็นการแทรกแซงจากฝ่ายการเมืองโดยตรง ในช่วงก่อนวันสงกรานต์ที่ผ่านมา และก่อนหน้านี้อีกหลายครั้ง รวมถึงล่าสุด ที่มีกลุ่มตัวแทนกลุ่มเกษตรกรทั่วทุกภาค ที่นำโดยนายธงชัย คงคาลัย ประธานคณะอนุกรรมการเกษตรกรภาคกลาง มายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อคัดค้านข้อเรียกร้องของกลุ่มสกย. นับเป็นเรื่องหนึ่ง ที่ฉายภาพปัญหาภายในของกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรได้แจ่มชัดที่สุด ที่รัฐบาลเองก็ได้เกิดความยุ่งยากใจในการ แก้ปัญหาดังกล่าวไม่น้อย ที่มาจนถึง ณ วันนี้ ได้มีการประกาศใช้ พ.ร.บ.กองทุนฟื้นฟูฯ ที่มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 42 มาแล้วถึง 3 ปี แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้าในการบริหารจัดการให้กองทุนที่มีอยู่ สามารถนำไปใช้ประโยชน์กับพี่น้องเกษตรกรได้เลยแม้แต่บาทเดียว
อย่างไรก็ตาม จากท่าทีที่นิ่งเฉยของรัฐบาลในการแก้ปัญหาได้ทำให้แกนนำเกษตรกรกลุ่มต่างๆ ไม่พอใจ และออก มาเรียกร้องเป็นระยะๆ ซึ่งนอกจากที่กล่าวมาก็ยังมีกลุ่มเกษตรกรอีกกลุ่มหนึ่ง ในนามสมาชิกคณะกรรมการประสานงานองค์กรประชาชน อีสาน (คปอ.) นำโดยนายบำรุง คะโยธา ได้ไปร้องเรียนต่อประธานวุฒิสภา เมื่อวันที่ 3 ก.ย. 44 เพื่อขอให้สอบสวนใน 3 ประเด็น คือปัญหาและอุปสรรคที่เกษตร ซึ่งขอขึ้นทะเบียนเป็นสมาชิกไม่สามารถกู้เงินจากกองทุนนี้ได้,การใช้จ่ายงบประมาณของ คณะกรรมการ คณะกรรมการบริหาร คณะอนุกรรมการ และคณะทำงานกองทุนฟื้นฟูฯ,และสถานภาพของ คณะกรรม การกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรตามบทเฉพาะกาลของ พ.ร.บ. กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรนี้ จากการศึกษาของวุฒิสภา นายอนันต์ ดาโลดม ประธานคณะกรรมาธิการ การเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา กล่าวกับ"ผู้จัดรายสัปดาห์" ว่าต้องนับว่าการบริหารงานกองทุนฟื้นฟูและเกษตรกรตั้งแต่ต้นมีปัญหามาโดยตลอด ทั้งปัญหาในการบริหารจัดการ ปัญหาด้านการเงินและการพัสดุ ตลอดจนปัญหาใน การขึ้นทะเบียนเกษตรกร จนสามารถกล่าวได้ว่าเป็นการบริหารงานของรัฐบาลที่ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ขณะเดียว กัน กมธ.เกษตรฯ ได้หยิบประเด็นปัญหาของกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตร กรมาเป็นหนึ่งในการอภิปรายผลงานรอบ1 ปี ของรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในวันที่ 26 เมษายนนี้
ปมปัญหาด้านการบริหาร
ในด้านการบริหารกองทุนฟื้นฟูฯนั้นกมธ.การเกษตรฯ พบว่ามีปัญหาใน 3 ส่วนใหญ่ๆ ด้วยกัน คือ
1. ประธานคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ตั้งแต่สมัยนายชวน หลีกภัย มาจนถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรก็ไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร กล่าวคือในสมัยนายชวน ได้มีการเข้าประชุมเพียงแค่ครั้งเดียว และในสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ไม่เคยได้เข้า ประชุมคณะกรรมการฯ ดังกล่าว เลยแม้แต่ครั้งเดียว อีกทั้งยังมีการมอบหมาย ให้รองนายกรัฐมนตรีทำหน้าที่แทน ถึง 4 คน ด้วยกันในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา ครั้งที่ 1 มอบหมายให้ นายปองพล อดิเรกสาร ครั้งที่ 2 มอบให้นายพิทักษ์ อินทรวิทย-นันท์ ครั้งที่ 3 มอบใหันายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และ ครั้งที่ 4 กลับมามอบให้นายพิทักษ์ อินทรวิทยนันท์ กลับมาเป็นประธานอีกครั้ง จนถึงปัจจุบัน
2. ในส่วนของคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ ซึ่งมีหน้าที่โดยตรงในการ ควบคุมกำกับการดูแลการบริหาร การใช้ จ่ายเงินของสำนักงาน โดยผ่านเลขาธิการ สำนักงานกองทุนฯ มีการเปลี่ยนแปลงตัว กก.บห. และคณะ หลายต่อหลายครั้งจน ทำให้ขาดประสิทธิภาพในการบริหารงาน ทำให้ไม่มีความต่อเนื่อง เกิดความสับสน ในการออกระเบียบ คำสั่งภายใต้อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการฯ
3. สำหรับตัวเลขาธิการสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ซึ่งมีหน้าที่ในการบังคับบัญชาพนักงานและลูกจ้างของสำนักงาน และรับผิดชอบการ บริหารสำนักงานให้เป็นไปตามวัตถุ ประสงค์ของกองทุนฯ และตามกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับที่คณะกรรมการกองทุนฯ และคณะ กก.บห. กองทุนกำหนดไว้ จากการศึกษาของคณะกรรมาธิการฯ ปรากฎว่าในกระบวนการสรรหาและการคัดเลือกเลขาธิการ มีการเมืองเข้ามาเกี่ยว ข้องทำให้เกิดความไม่โปร่งใส ไม่สามารถ ได้ผู้ซึ่งมีความรู้ ความสามารถที่แท้จริง
นอกจากนี้ในการเปลี่ยนแปลงตัวเลขาธิการฯ หลายครั้ง คือในช่วงระยะเวลาแค่ 2 ปี เศษ กลับมีการแต่งตั้งเลขา ธิการ หรือผู้รักษาการในตำแหน่งถึง 7 คนด้วยกัน คือ
1.นายธงไชย เพชรรัตน์ เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร รักษาการในตำแหน่งเลขาธิการ (ดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 1พ.ย.42-9 ส.ค. 43)
2.นายอภิชัย การุณยวนิช เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร รักษาการ ในตำแหน่งเลขาธิการ (1 พ.ย.42-9 ส.ค.43)
3.นายนที ขลิบทอง เลขาธิการฯ (10 ส.ค. 43-12 ก.พ.44)
4.นายไตรรัตน์ สุนทรประภัสสร์ รักษาการฯ (13 ก.พ.44 - 31 ก.ค.44)
5.นายสุริยันต์ บุญนาคค้า เลขาธิการฯ (1 ส.ค.44-14 ก.ย. 44)
6.นายอโศก ประสานสอน รักษาการฯ (15 ก.ย.44-6 ธ.ค. 44) และ
7. นายสมาน เลิศวงศ์รัฐ รองเลขาธิการ รักษาการเลขา ธิการกองทุนฯ (6 ธ.ค. 44-ปัจจุบัน)
"การเปลี่ยนแปลงเลขาธิการนี้ มาก เป็นประวัติการณ์ ที่ไม่เคยมีองค์กรใด มีปรากฎการณ์เช่นนี้มาก่อน คงไม่ต้องวิจารณ์ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น จะบริหารองค์กรให้ปฏิบัติงานสำเร็จตามนโยบายได้อย่างไร" จากปัญหาภายในในเรื่องของคณะกรรมการฯ ทั้ง 2 คณะดังกล่าว รวม ทั้งปัญหาของเลขาธิการ ได้ส่งผลกระทบให้เกิดปัญหาตามมา ได้แก่ การขาดความเอาใจใส่ของประธาน ทำให้ผู้ทรงคุณวุฒิทั้งจากภาคราชการและเอกชน มักจะขาดการเข้าประชุมได้ ทำ ให้ในการพิจารณาระเบียบข้อบังคับประกาศต่างๆ ที่ต้องออกตาม พ.ร.บ. รวมทั้งการมีมติในเรื่องต่างๆ ไม่รอบคอบ รัดกุม และขาดการติดตามการดำเนินงานในที่ประชุม ทำให้มีปัญหาตามมาไม่มีที่สิ้นสุด, การออกระเบียบข้อบังคับ กฎกระทรวง ซึ่งมีมากมายตามที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ. มีปัญหาตั้งแต่วิธีการ และบุคลากรที่ถูกกำหนดให้ยกร่างระเบียบข้อบังคับ กฎกระทรวงไม่มีความ รู้ความสามารถ ขาดประสบการณ์ และกระบวนการจัดการ ทำให้ระเบียบต่าง ๆ มีช่องโหว่มากมาย รวมทั้งเมื่อเสนอไปยังคณะกรรมการทั้ง 2 คณะ เพื่อพิจารณา ตามขั้นตอน ก็กลับพบว่าขาดการ พิจาร-ณาอย่างรอบคอบรัดกุม ทำให้ระเบียบข้อบังคับ กฎกระทรวงที่ประกาศออกไป ใช้มีปัญหาในทางปฏิบัติ,ในการบริหารงานบุคคลในสำนักงานมีปัญหาตั้งแต่กระบวนการบรรจุแต่งตั้ง ที่เป็นการเข้ามาในระบบเส้น สายทำให้ไม่สามารถปฏิบัติงานตามภารกิจหน้าที่ที่ดำรงตำแหน่งอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งมีปัญหาในการบังคับบัญชา และ การสั่งการ, ไม่มีระบบการจัดเก็บข้อมูล และการจัดเก็บเอกสารที่เป็นสากล ทำให้การนำเอกสารมาใช้มีความยุ่งยาก สับสน และล่าช้า รวม ทั้งขาดระบบและวิธีการติดตามประเมินผล และรายงานผลการดำเนินงานอีกด้วย
ปัญหาด้านการเงิน และการพัสดุ
นอกจากนี้จากรายงานของสำนัก งานตรวจเงินแผ่นดิน ได้สุ่มตรวจการใช้ตรวจการใช้จ่ายเงินค่าเบี้ยประชุมของคณะกรรมการบริหาร พบว่าอัตราการจ่ายค่าเบี้ยประชุมของสำนักงานกองทุนฟื้นฟูฯ เมื่อเปรียบเทียบกับอัตราการจ่ายเงินของทางราชการแล้วสูงกว่ากันมาก ซึ่งในบางประเภทก็พบว่ามีการเบิกจ่ายแบบผิดระเบียบ และยังมีการจัดจ้างหัวหน้าสำนักงานกองทุนฯ จังหวัดที่ไม่โปร่งใสอีกด้วย อย่างไรก็ดีปัญหาที่เห็นได้ชัดในกรณีด้านการเงินนี้ ก็ยังมีเรื่องของการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ ที่เลขาธิการกองทุนฟื้นฟูฯ มีการพยายามเอาพวกตัวเองเข้ามาทำงาน แล้วให้เงินเดือนสูง ๆ ทั้งๆ ที่ไม่สามารถทำงานได้อีกด้วย
การขึ้นทะเบียนองค์กรเกษตรกร
ในระดับจังหวัด ต้องรวมตัวเป็นองค์กรเกษตรกร 50 คน แกนนำเอาพรรค พวกตัวเองเข้ามา ทำให้ชื่อองค์กรเกษตร กรที่มาขึ้นทะเบียน มีความซ้ำซ้อนอย่างมาก ซึ่งทางกองทุนฯ ต้องว่าจ้างธนาคาร กรุงไทย จำกัด เพื่อทำการตรวจสอบราย ชื่อเกษตรกรและองค์กรเกษตรกรที่ขอขึ้นทะเบียนว่ามีความซ้ำซ้อน และมีเอกสารหลักฐานครบถ้วนถูกต้องหรือไม่ ในวงเงิน 8 ล้านบาทอีกด้วย ซึ่งก็ทำให้เสียงบประมาณ อย่างไม่ควรจะเสียไปอีกจำนวนไม่น้อย ทั้งนี้ ทางคณะกรรมาธิการฯ ก็มีข้อเสนอแนะให้รัฐบาลเร่งดำเนินการอย่างเร่งด่วน ในประเด็นดังต่อไปนี้
1.ให้ทบทวนและแก้ไขบริหารงาน กองทุนฯ ที่ผ่านมาที่มีปัญหามาโดยตลอด โดยเฉพาะการปฏิบัติงานของคณะกรรมการกองทุนฯ และคณะ กก.บห. ให้ความ สำคัญกับกองทุนมากกว่านี้
2. ให้เร่งดำเนินการสรรหาและแต่งตั้งเลขาธิการกองทุนฯ เพื่อแก้ไขปัญหาการบริหารงานของกองทุน โดยขอ ให้ดำเนินงานด้วยความโปร่งใส ปราศจาก การแทรกแซงทางฝ่ายการเมืองและข้าราชการประจำ
3. ให้การบรรจุแต่งตั้งพนักงานและลูกจ้างของสำนักงาน ดำเนินการตามระเบียบหรือข้อบังคับเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคล และเป็นไปตาม พ.ร.บ. กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร 42 ในมาตรา 21 ข้อ 5 และข้อ 6 โดยเฉพาะในการแต่งตั้งหัวหน้าสำนักงานกองทุนฟื้นฟูจังหวัด ตามคำสั่งที่ 79/2544 ถึง คำสั่งที่ 156/2544 ที่มีอัตราเงิน เดือนๆ ละ 30,000 บาทต่อคน โดยไม่มีการคัดเลือกตามระเบียบคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ ก็ถือว่าเป็นคำสั่งที่ไม่สมบูรณ์ ขอให้ยกเลิก และทำการคัดเลือก ใหม่
สำหรับปัญหาด้านการเงิน ให้แต่งตั้งคณะทำงานพิจารณาทบทวน แก้ไข ระเบียบคำสั่งที่เกี่ยวข้องกับการเงินการพัสดุ ที่หละหลวมไม่รัดกุม และอาจะทำให้เกิดการสูญเสีย การทุจริตหาผลประโยชน์จากเงินส่วนที่มีการอุดหนุนเพิ่มจากทางรัฐบาลได้ง่ายอีกด้วย และให้ทำการตรวจสอบการใช้เงินของกองทุนฯ ที่ได้เบิกจ่ายไปแล้ว ว่ามีความถูกต้องโปร่ง ใสหรือมีการทุจริตหรือไม่ ทั้งนี้ ทางคณะกรรมาธิการฯ ยังขอ ให้มีการพิจารณาแก้ไขพ.ร.บ.กองทุนฟื้นฟูฯ ในบางมาตราที่มีปัญหาในทางปฏิบัติบางมาตรา รวมทั้งขอให้รัฐบาลแก้ปัญหาทุกด้านที่กล่าวมาก่อนที่จะมีการ อนุมัติเงินกองทุนออกไป และขอให้วุฒิสภาจัดตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณารายละเอียดของ พ.ร.บ.กองทุนฯ ในมาตราที่มีปัญหา เพื่อเสนอรัฐบาลโดยด่วนที่สุดอีกด้วย
กมธ.วุฒิซักฟอกกองทุนฟื้นฟูฯ
อย่างไรก็ดี เรื่องปัญหาภายในกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรนี้ นายอนันต์ ยืนยันว่าจะเป็นเรื่องหนึ่งที่คณะกรรมาธิการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภาจะใช้ในการอภิปรายผลงานรัฐบาล ในวันที่ 26 เมษายน ที่จะถึงนี้อีกเรื่องหนึ่ง "เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ และรัฐบาลจะมีปัญหาถ้าจะปล่อยเงินกู้ในส่วนนี้ออก ไปแน่นอน เพราะในขณะนี้รัฐบาลก็มีโครง การที่คล้ายๆ เป็นกองทุนให้เกษตรกรกู้ยืมเงินอยู่แล้ว เช่น โครงการพักชำระหนี้ และโครงการกองทุนหมู่บ้าน ที่มีวี่แววว่า จะเกิดปัญหาเกษตรกรไม่มาชำระหนี้อีกด้วย ซึ่งโดยความเป็นจริง ถ้ารัฐบาลมีโครงการที่ให้เกษตรกรกู้เงินเช่นนี้อยู่แล้ว กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรก็ไม่น่า เกิดขึ้นมา เพราะมันซ้ำซ้อน และยุ่งยาก" นายอนันต์ กล่าวและต่อแต่นี้ รัฐบาลจะมัวมา "นิ่งเฉย" และใช้วิธีการแก้ปัญหาแบบ "ความสงบสยบความเคลื่อนไหว" ไม่ได้อีกต่อไป!
ลำดับความเป็นมากองทุนฟื้นฟูฯ
การตั้งกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรที่ยังคงเป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้นั้นความจริงแล้วมิใช่สิ่งที่เพิ่งริเริ่มขึ้นในรัฐบาลชุดนี้ แต่เป็นแนวคิดที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2540 ในสมัยรัฐบาลของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ โดยแนวร่วมองค์กรเกษตรกรภาคอีสาน(น.อ.ก.) ได้เสนอให้รัฐบาลจัดตั้งกองทุนขึ้นมาเพื่อ แก้ไขปัญหาของเกษตรกร และให้มีการแต่งตั้งผู้แทนฝ่ายราชการและผู้แทน ของ น.อ.ก.มาร่วมกันร่าง "พระราชกฤษฎีกากองทุนฟื้นฟูชีวิตเกษตรกร" แต่โครงร่างดังกล่าวต้องยุติลงเพราะรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ประกาศลาออกต่อมาในปี 2541 สมัยรัฐบาล นายชวน หลีกภัย ได้มีความพยายามผลักดันเรื่องนี้อย่างจริงจัง โดยในเดือนมีนาคม กลุ่มสมัชชาเกษตรกรรายย่อย ภาคอีสานและมูลนิธิเกษตรกรไทย และองค์กรเกษตรกรอื่นๆได้เสนอให้รัฐบาลตั้งกองทุนฟื้นฟูเกษตร จากนั้นเดือนพฤษภาคม ได้ตั้งคณะทำงานยกร่าง กฎหมายกองทุนฟื้นฟูชีวิตเกษตรกร และ
เสนอร่างกฎหมายดังกล่าวต่อรัฐบาลในเดือนมิถุนายน จากนั้นรัฐบาลได้เสนอกฎหมายฉบับนี้เข้าสู่การพิจารณาของ สภาผู้แทนราษฎรในเดือนตุลาคม ต่อมาได้ใช้เวลาเกือบ 1 เดือน คือช่วงปลาย เดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคมเพื่อจัดประชาพิจารณ์ร่างกฎหมายนี้
ในปี 2542 กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรได้ความคืบหน้าขึ้นมาก โดย ร่าง พ.ร.บ.กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร พ.ศ.2542 ได้ผ่านการพิจารณาของ สภาผู้แทนราษฎร ผ่านการพิจารณาของวุฒิสภาในเดือนมีนาคม และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคม จากนั้นในเดือนมิถุนายน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้แต่งตั้งคณะทำงานเตรียมการดำเนินการตาม พ.ร.บ.ฉบับนี้ โดยมี นายเนวิน ชิดชอบ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ ในขณะนั้น เป็นประธานคณะทำงานดังกล่าว
วันที่ 10 เดือนสิงหาคม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯได้แต่งตั้งเกษตรกรที่ได้รับเลือกตั้งเป็นผู้แทนเกษตรกร 20 คน และผู้ทรงคุณวุฒิ 5 คน เป็นคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร จากนั้น 1 กันยายน คณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูฯ มีคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณาระเบียบเกี่ยวกับการขึ้นทะเบียนองค์กรเกษตรกร
การเลือกตั้งผู้แทนเกษตรกร และการสรรหาผู้ทรงคุณวุฒิ
30 สิงหาคม คณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูฯมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารกองทุนฟื้นฟูฯ (ชุดที่ 1) ต่อมา 8 ตุลาคม คณะกรรมการบริหารกองทุน ฟื้นฟูฯ ได้ตั้งคณะกรรมการบริหารกองทุนในด้านต่างๆ 14 มีนาคม 2543 คณะกรรมการบริหารกองทุนฟื้นฟูฯ ประกาศให้มีการยื่นคำขอรับการขึ้นทะเบียนองค์กรเกษตรกร จากนั้น 16 พฤษภาคม ปีเดียวกัน คณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูฯ มีมติว่าจ้าง นายนที ขลิบทอง เป็นเลขาธิการสำนักงานกองทุนฟื้นฟูฯ และมีการแต่งตั้งคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูฯเลือกประธานคณะกรรมการ คนใหม่(ชุดที่ 2) 9 สิงหาคม 2543 คณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูฯ แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ พิจารณากำหนดนโยบายและมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้สินทั้งระบบของเกษตรกร เพื่อดำเนินการยกร่าง พ.ร.บ.แก้ไขปัญหาหนี้สินทั้งระบบของเกษตรกร(ร่าง พ.ร.บ. กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ฉบับที่ 2 พ.ศ. ...) นำเสนอเข้าสู่สภาผู้แทนฯ ในวันที่ 28 กันยายน จากนั้นจึงเสนอเข้าวุฒิสภา แต่รัฐบาลได้ยุบสภาไปเสียก่อน13 กุมภาพันธ์ 2544 สมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายนทีได้ลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการกองทุนฟื้นฟูฯ เพื่อไปรับ รมช.เกษตรฯ และให้ นายไตรรัตน์ สุนทรประภัสสร์ รักษาการแทน ต่อมา 16 มีนาคม มีการถอด ถอนคณะกรรมการบริหารกองทุนฟื้นฟูฯ ชุดเดิม (ชุดที่ 2)
13 กรกฎาคม คณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูฯ ได้ตั้งแต่ง นายสุริยันต์ บุญนาคค้า เป็นเลขาธิการกองทุนฟื้นฟูฯ ต่อมาได้บอกเลิกจ้างนายสุริยันต์ เมื่อ 14 กันยายน และตั้ง นายอโศก ประสานสอน ขึ้นรักษาการแทน แต่นายสุริยันต์ตัดค้านว่าคำสั่งดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้นจึงมีการแต่งตั้ง นายสมาน เลิศวงศ์รัฐ ให้มารักษาการในตำแหน่งดังกล่าว เมื่อ 10 ธันวาคม 2544 นายสมานได้ยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งหัวหน้าสำนักงานกองทุนฟื้นฟูฯและพัฒนาเกษตรกรสาขาจังหวัดต่างๆ จำนวน 51 คน ที่แต่งตั้งโดยนายอโศก จนเกิดการเดินขบวนเรียกร้องสิทธิในตำแหน่งดังกล่าว เมื่อ 8 กุมภาพันธ์ 2545ล่าสุด14 มกราคม 2545 คณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูฯ แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารกองทุนฟื้นฟูฯ ชุดใหม่ (ชุดที่ 4)
|
ที่มา: ผู้จัดการรายวัน
|
|