![]() ![]() |
สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร สาขาจังหวัดบุรีรัมย์ |
![]() |
|
![]() |
แนวทางช่วยเหลือเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนหนี้กับกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรในระหว่างรอการโอนหนี้ ตามที่เกษตรกรซึ่งเป็นสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ได้ขึ้นทะเบียนหนี้เป็นจำนวนมากกับสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร เพื่อรอการจัดการหนี้ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 ถึงปัจจุบัน ในจังหวัดบุรีรัมย์ มีจำนวนถึง 12,621 ราย เป็นหนี้เงินรวม จำนวน 596 ล้านบาท แต่การดำเนินการจัดการหนี้ของเกษตรกรตามพระราชบัญญัติกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 2 พ.ศ. 2544 นั้น สำนักงานกองทุนฟื้นฟู ฯ ยังไม่ได้ดำเนินการด้วย ยังขาดเงินงบประมาณซึ่งรัฐบาลยังไม่ได้ให้เงินอุดหนุนมาและเนื่องจากยังอยู่ระหว่างขั้นตอนการเจรจาในรายละเอียดกับเจ้าหนี้ของเกษตรกรตามบันทึกข้อตกลงกับสถาบันการเงินต่างๆและรอการอนุมัติของคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูฯ ปัจจุบันมีท่านรองนายกรัฐมนตรี ฯพณฯ พินิจ จารุสมบัติเป็นประธานซึ่งการจัดการหนี้ดังกล่าวข้างต้น นั้น เกษตรกรได้รอการดำเนินการมานานแล้ว สำนักงาน กองทุนฟื้นฟูฯ สาขาจังหวัดบุรีรัมย์ จึงขอประชาสัมพันธ์ผ่านหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ทุกท่าน เพื่อให้เกษตรกรในพื้นที่และผู้ที่เกี่ยวข้องได้ทราบการดำเนินการของกองทุนฟื้นฟูฯ ดังนี้ 1. การดำเนินการจัดการหนี้ให้เกษตรกรตามแนวทางของกองทุนฟื้นฟูฯ มีดังนี้ - เกษตรกรที่เป็นสมาชิกกองทุนฟื้นฟูฯ ต้องขึ้นทะเบียนหนี้ - เมื่อรับขึ้นทะเบียนหนี้แล้ว สำนักงานจัดการหนี้ของเกษตรกรจะตรวจสอบหลักฐานความมีอยู่จริงของหนี้ และหลักประกันที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้วแยกประเภทหนี้ - เกษตรกรที่เป็นหนี้ในโครงการส่งเสริมของรัฐ เมื่อดำเนินการแล้วไม่ประสบความสำเร็จโดยมิใช่ความผิดของเกษตรกร กองทุนฟื้นฟูฯ จะรับภาระชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ทั้งหมดหรือบางส่วนโดยได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี และรัฐจะจัดงบประมาณแผ่นดินเข้าสมทบกองทุนฟื้นฟูฯ - เกษตรกรที่เป็นหนี้ที่มิใช่โครงการส่งเสริมของรัฐ เมื่อคณะกรรมการจัดการหนี้ ของเกษตรกรอนุมัติโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูฯ กองทุนฟื้นฟูฯ จะรับชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ทั้งหมดหรือบางส่วน 2. การดำเนินการรับชำระหนี้ให้เจ้าหนี้แทนเกษตรกรมี 2 กรณี - กรณีซื้อจากเจ้าหนี้โดยตรง - กรณีเข้าประมูลซื้อทรัพย์ตามประกาศเจ้าพนักงานบังคับคดีในการขายทอดตลาด แต่ทั้งนี้ต้องผ่านกระบวนการต่อรองเพื่อลดหนี้เงินกู้ ดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียมต่างๆ และเป็นไปตามระเบียบต่างๆ ว่าด้วยการจัดการหนี้ของเกษตรกร 3. การดำเนินการของกองทุนฟื้นฟูฯ หลังการจัดการหนี้ - เมื่อกองทุนฟื้นฟูฯ รับภาระชำระหนี้ให้แก่เจ้าหน้าที่ของเกษตรกรแล้วทรัพย์สินของเกษตรกรที่ใช้เป็นหลักประกันเจ้าหนี้จะตกเป็นของกองทุนฟื้นฟู - เกษตรกรซึ่งกองทุนฟื้นฟูฯ เข้ารับภาระชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้แทน จะต้องทำแผนโครงการเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูชีวิต โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการกลุ่ม / องค์กร - ทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันซึ่งตกเป็นของกองทุนฟื้นฟูฯ ตามข้อ 1 เกษตรกรจะได้รับคืนโดยการเช่าซื้อหรือซื้อคืนไปจากกองทุนฟื้นฟูฯ โดยมีระยะเวลาชำระค่าเช่าซื้อหรือซื้อคืนไปภายในระยะเวลา 20 ปี - การชำระค่าเช่าซื้อหรือซื้อคืนทรัพย์หลักประกันตามข้อ 3 หากกองทุนฟื้นฟูฯ ลดหนี้ ปลดหนี้ ให้เกษตรกรจะต้องตราเป็นราชกฤษฎีกาแล้วรัฐต้องจัดสรรงบประมาณอุดหนุนส่วนที่กองทุนฟื้นฟูฯ ต้องรับภาระค่าใช้จ่าย 4. การดำเนินการช่วยเหลือเพื่อบรรเทาทุกข์ให้แก่เกษตรกรที่ประสบปัญหาหนี้เร่งด่วน (ถูกดำเนินคดีหรือถูกบังคับคดี) ในระยะที่รอการจัดการหนี้ให้แก่เกษตรกร นั้น สำนักงานสาขาจังหวัดบุรีรัมย์ได้ดำเนินการดังนี้ - กรณีถูกดำเนินคดีในศาล ทางสำนักงานสาขาจังหวัดบุรีรัมย์จะเข้าร่วมเจรจาเพื่อขอเลื่อนการพิจารณาคดีไปก่อน หากศาลไม่ยินยอมจะขอเลื่อนการพิจารณาคดีไปต่อรองหนี้กับเจ้าหนี้ของเกษตรกรเพื่อทำสัญญาประนีประนอมในนัดต่อไปที่ศาลนัด มีจำนวน 6 ราย - กรณีถูกบังคับคดีเพื่อจะขายทรัพย์ของเกษตรกร จะเข้าดำเนินการขอให้เจ้าหนี้เกษตรกรระงับการขายไปก่อน เพื่อรอการดำเนินการตามบันทึกข้อตกลงเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในปัญหาหนี้สิน มีจำนวน 49 ราย - กรณีที่เกษตรกรถูกทวงถามเพื่อให้ชำระหนี้ตามสัญญาแห่งหนี้ หากไม่ดำเนินการเจ้าหนี้จะดำเนินการฟ้องร้องดำเนินคดี ทางสำนักงานสาขาจังหวัดบุรีรัมย์จะดำเนินการติดต่อขอให้ เจ้าหนี้ชะลอการดำเนินการฟ้องร้องไว้ก่อน มีดังนี้ เกษตรกรซึ่งเป็นหนี้ธนาคาร กรุงไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 16 ราย เกษตรกรซึ่งเป็นหนี้ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) จำนวน 5 ราย เกษตรกรซึ่งเป็นหนี้ ธ.ก.ส. จำนวน 497 ราย | ||||