![]() ![]() |
สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร สาขาจังหวัดบุรีรัมย์ |
![]() |
|
![]() |
รายงานการปฎิบัติงาน ต.ค.47-มี.ค.48 คำนำ การดำเนินงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ตามเจตนารมณ์และวัตถุประสงค์ของ พ.ร.บ.กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร พ.ศ. 2542 และ พ.ร.บ. ฉบับ 2544 ของสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร สาขาจังหวัดบุรีรัมย์ โดยเฉพาะตั้งแต่ปีงบประมาณ 2547 จนถึงต้นปีงบประมาณ 2548 หลังจากสำนักงานสาขาจังหวัดได้ก่อรูปร่างขึ้นพรั่งพร้อมด้วยบุคลากร และปัจจัยการบริหารที่จะดำเนินงานให้พันธกิจบรรลุและปรากฏผลการดำเนินงานเป็นรูปธรรมแม้การดำเนินงานจะแวดล้อมด้วยปัญหา ทั้งจากความต้องการของเกษตรกร ความแปลกแยกแตกต่างทางแนวคิด และทักษะของผู้ปฏิบัติงาน ตลอดจน ปัญหาด้านความรู้สึกหรือเจตคติ ที่เชื่อมโยงต่อสถานการณ์ ที่เกี่ยวข้องกันระหว่างสำนักงานกองทุนและการเมือง ในฐานที่กองทุนฯ บริหารด้วยคณะกรรมการ แต่ความตระหนักในปัญหาเกษตรกร และภารกิจของพนักงาน ก็ยังคงมั่น พยายามแสวงหากระบวนการปฏิบัติงานที่เหมาะสม โดยการร่วมคิด ร่วมศึกษา ร่วมวางแผน และ ร่วมปฏิบัติงานด้วยกันมาโดยตลอด รายงานผลการปฏิบัติงานฉบับนี้ มุ่งรายงานสภาพการปฏิบัติงานและผลงานของ สำนักงานกองทุนฯ สาขาบุรีรัมย์ ตลอดจนปัญหาและอุปสรรคในช่วงต้นปีงบประมาณ 2548 ระหว่าง กันยายน 2547 - กุมภาพันธ์ 2548 ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ต่อการรับรู้ และรับคำวิจารณ์ เพื่อพัฒนาและแก้ปัญหาการปฏิบัติงานให้บรรลุเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ. กองทุนฯ ต่อไป สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร สาขาจังหวัดบุรีรัมย์ มีนาคม 2548 รายงานการปฏิบัติงาน มีนาคม 2548 1. ภาพรวมการปฏิบัติงาน 1.1 สถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับองค์กรเกษตรกร 1.1.1 ความสนใจต่อความเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงของสำนักงานกองทุน หลังจากมีข่าวการชุมนุมกลุ่มเกษตรกรเผยแพร่ทางโทรทัศน์และหน้าหนังสือพิมพ์ และผลจากการนิเทศประชาสัมพันธ์ ความเคลื่อนไหวการดำเนินงานของสำนักงานกองทุนฯ จนเกิดความรู้สึกศรัทธาและไว้วางใจระหว่างองค์กรเกษตรกร กับพนักงานสำนักงานกองทุน อีกทั้งมีการประชุม เสวนาร่วมกันของพนักงานกองทุนกับผู้นำเกษตรกรในภูมิภาค อันเป็นการสร้างศรัทธาและเผยแพร่แนวคิด ตลอดจนเป็นการถอดรหัสความจนของชีวิตเกษตรกร ทำให้องค์กรเกษตรกร และเกษตรกรสนใจใฝ่รู้ คิดค้น วิพากษ์ วิจารณ์ สถานการณ์ สนใจสิทธิ์และหน้าที่ตาม พ.ร.บ. กองทุนเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามแม้ระยะเวลาที่ผ่านมา กองทุนจะยังไม่สามารถสร้างรูปธรรม ในการสนับสนุนทุนให้กับแผนและโครงการขององค์กรเกษตรกรได้เลยก็ตาม และแม้รูปธรรมของการใช้สิทธิ์เลือกตั้งผู้แทนเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ จะมีอัตราต่ำ ไม่เป็นที่น่าพึงพอใจ คือมีเพียงร้อยละ 1.97 ก็ตาม นับเป็นเพียงนัยทางปริมาณเท่านั้น แต่นัยทางคุณภาพขององค์กรเกษตรกร ก็แสดงผ่านการเปลี่ยนแปลงปรากฏให้เห็นว่า มีการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้าง และเนื้อหา โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ องค์กรเกษตรกรมีการเคลื่อนไหว แยกสมาชิกจากองค์กรสภาเกษตรกรไทย ในพื้นที่ 11 อำเภอ แยกไปตั้งองค์กรใหม่ ชื่อ สมาพันธ์เกษตรกร อำเภอ... มีลักษณะเป็นเครือข่ายของสมาพันธ์เกษตรกรแห่งประเทศไทย และมีคณะกรรมการสมาพันธ์เกษตรกรจังหวัด ควบคุมกำกับตามระเบียบของสมาพันธ์อีกด้วย 1.1.2 ความสนใจและความเคลื่อนไหวต่อการขึ้นทะเบียนองค์กร และการขึ้นทะเบียนหนี้รอบที่ 5 สภาพการขอขึ้นทะเบียนองค์กรเกษตรกร ตามประกาศของคณะกรรมการบริหารกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร เรื่องการขอขึ้นทะเบียนองค์กรเกษตรกร ประจำปี 2547 ในระยะแรกๆ ตั้งแต่เดือนกันยายน - ตุลาคม 2547 เกษตรกรให้ความสนใจต่อการขึ้นทะเบียนองค์กร และการขึ้นทะเบียนหนี้อย่างเบาบาง จนระยะระหว่าง เดือนพฤศจิกายน - ธันวาคม 2547 ความสนใจแสดงความประสงค์ขอขึ้นทะเบียนองค์กร และการขึ้นทะเบียนหนี้มีมากขึ้น ซึ่งปรากฏผลเป็นรูปธรรม ดังนี้ 1. การขึ้นทะเบียนองค์กรใหม่ การขึ้นทะเบียนองค์กรใหม่ หมายถึง การที่เกษตรกรรวมตัวกันตามจำนวนที่ระเบียบ การขึ้นทะเบียนองค์กรกำหนด ในการขึ้นทะเบียนองค์กรเกษตรกร รอบที่ 5 ปรากฏว่ามีองค์กรเกษตรกรแจ้งความจำนงขึ้นทะเบียนองค์กร 30 องค์กร มีสมาชิกเกษตรกรรวมแล้ว 3,353 ราย ทั้งนี้อำเภอที่มีการขึ้นทะเบียนองค์กรหนาแน่นที่สุด คือ อำเภอกระสัง มีทั้งหมด 8 องค์กร อำเภอพุทไธสง 6 องค์กร นอกนั้นมีองค์กรมาขึ้นทะเบียนองค์กรใหม่ อยู่ระหว่าง 1- 2 องค์กร 2. การรับสมาชิกเพิ่มขององค์กรที่ขึ้นทะเบียนแล้ว การรับสมาชิกเพิ่มของ องค์กรที่ขึ้นทะเบียนแล้ว ในรอบที่ 1- 4 มีจำนวนองค์กรที่รับสมาชิกเพิ่ม 63 องค์กร มีเกษตรกรเป็นสมาชิก 3,562 ราย มีการเพิ่มสมาชิกในองค์กรเกษตรกรสังกัดอำเภอเมืองบุรีรัมย์มากที่สุด จำนวน 22 องค์กร รองลงไปคือในอำเภอนางรอง และอำเภอประคำ มีจำนวนองค์กรรับสมาชิกเพิ่ม 6 และ 5 องค์กรตามลำดับ นอกนั้นมีการเพิ่มสมาชิกเพียง 1 - 4 องค์กร 3. การแสดงความประสงค์ขอแยกสมาชิกจากองค์กรเดิมไปตั้งองค์กรใหม่ กรณีขอแยกสมาชิกไปตั้งองค์กรใหม่ ดังได้กล่าวแล้วในข้อ 1.1.1 ว่ามีความเคลื่อนไหว ยื่นเอกสารแสดงความประสงค์ ดังกล่าวใน 11 อำเภอ และมีองค์กรที่ยื่นความประสงค์ขอเปลี่ยนชื่อองค์กร 2 องค์กรในพื้นที่อำเภอบ้านกรวด ต่อกรณีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลองค์กร สำนักงานกองทุนฯ บุรีรัมย์ ได้หารือวิธีดำเนินการ ไปยังสำนักงานใหญ่ เพื่อทราบแนวปฏิบัติแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างรอสั่งการ ลำดับที่ สาขาจังหวัด การขึ้นทะเบียนองค์กรเกษตรกร รวม องค์กรเก่าเพิ่มสมาชิก องค์กรใหม่ องค์กร ราย องค์กร ราย องค์กร ราย 1 บุรีรัมย์ 63 3,562 30 3,353 92 6,909 รวม 63 3,562 30 3,353 92 6,909 ตารางที่ 1 แสดงการขึ้นทะเบียนองค์กรเกษตรกร รอบที่ 5 ประจำปี พ.ศ. 2547 สภาพการขอขึ้นทะเบียนหนี้ขององค์กรเกษตรกร รอบที่ 5 ระหว่าง 1 ตุลาคม 2547 - 28 กุมภาพันธ์ 2548 1. การขึ้นทะเบียนหนี้ขององค์กรเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนใหม่ ข้อมูลดังปรากฏในตารางที่ 2 ดังนี้ ประเภทหนี้ จำนวน มูลหนี้ องค์กรเกษตรกร(องค์กรใหม่) สมาชิก(ราย) (บาท) โครงการส่งเสริมของรัฐ 1 องค์กร 32 ราย 940,700.00 .- ธ.ก.ส. 4 องค์กร 292 ราย 24,989,887.75 .- สถาบันการเงิน 2 องค์กร 28 ราย 16,211,321.92 .- สถาบันเกษตรกร 4 องค์กร 99 ราย 36,748,626.12 .- นิติบุคคล - องค์กร - ราย - รวมทั้งสิ้น 11 องค์กร 451 ราย 78,890,535.79 .- ตารางที่ 2 แสดงการขึ้นทะเบียนหนี้ของสมาชิกองค์กรเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนใหม่ 2. สภาพการขึ้นทะเบียนหนี้ขององค์กรเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนองค์กรมาก่อนแล้ว ข้อมูล ดังปรากฏในตารางที่ 3 ดังนี้ ประเภทหนี้ จำนวน มูลหนี้ องค์กรเกษตรกร(องค์กรเก่า) สมาชิก(ราย) (บาท) โครงการส่งเสริมของรัฐ 3 องค์กร 6 ราย 730,726.00 .- ธ.ก.ส. 57 องค์กร 482 ราย 51,607,752.75 .- สถาบันการเงิน 39 องค์กร 35 ราย 15,338,045.78 .- สถาบันเกษตรกร 57 องค์กร 2,117 ราย 25,831,387.00 .- นิติบุคคล - องค์กร - ราย - รวมทั้งสิ้น 57 องค์กร 2,636 ราย 93,507,911.53 .- ตารางที่ 3 แสดงการขึ้นทะเบียนหนี้ของสมาชิกองค์กรเกษตรกรที่ผ่านการขึ้นทะเบียนแล้ว ปัญหาและอุปสรรค การปฏิบัติภารกิจของสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร สาขาจังหวัดบุรีรัมย์ พบปัญหาและอุปสรรค ตามลักษณะดังนี้ 1. ปัญหาความไม่ทั่วถึงและไม่เท่ากันในการรับรู้ข้อมูลของเกษตรกร การรับรู้ข้อมูลข่าวสารขององค์กรเกษตรกร มาจากหลายแหล่งข้อมูลทั้งจากสื่อต่างๆ จาก สำนักงานกองทุนสาขาจังหวัด และจากผู้นำเกษตรกร โดยเฉพาะองค์กรที่มีลักษณะเป็นเครือข่าย บางครั้งการสื่อสารก็ได้เนื้อหาที่ขัดแย้งกัน ประกอบกับเกษตรกรก็ต้องการสิทธิ์ที่จะมีตามกฎหมายหรือข่าวสารนั้นๆ ซึ่งบางครั้งสร้างความโกลาหล ด้านความเห็นระหว่างเกษตรกร กับเจ้าหน้าที่ตามสมควร โดยเฉพาะการขึ้นทะเบียนหนี้ ที่พยายามจะเอาหนี้นอกระบบ ที่กฎหมายกองทุนมิได้กำหนด หรือหนี้นิติบุคคลอื่น ที่คณะกรรมการมิได้กำหนดให้นำมาขึ้นทะเบียนหนี้ 2. ปัญหาความไม่มีประสิทธิภาพของฐานข้อมูล องค์กร และข้อมูลทะเบียนหนี้ ที่ก่อความไม่สะดวกในการบริหารงาน ความไม่รวดเร็ว ความไม่ครอบคลุมที่จะนำข้อมูลไปใช้ อีกทั้งยังไม่สามารถบันทึกข้อมูลการขึ้นทะเบียนใดๆ ได้ 3. ปัญหาความสับสนในรายละเอียดของเอกสาร เอกสารประกอบการขึ้นทะเบียน ทั้งทะเบียนองค์กรและทะเบียนหนี้ ซึ่งโดยสภาพแล้วเอกสารมี รายละเอียดมาก เกษตรกรสับสน ประกอบกับระบบเอกสารและข้อมูลของ แต่ละองค์กรเกษตรกร ก็ไม่ชัดเจน ไม่มีการจัดเก็บอย่างเป็นระบบ ทำให้ข้อมูลที่เกษตรกรนำเสนอเต็มไปด้วยข้อผิดพลาด เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาตรวจสอบ สืบค้น ตลอดจนต้องเรียกเกษตรกรมาแก้ไข นับเป็นปัญหาทางด้านประสิทธิภาพการปฏิบัติงานอีกด้านหนึ่ง และเป็นปัญหาด้านความเข้มแข็งขององค์กรเช่น เดียวกัน 4. ปัญหาขวัญและกำลังใจของพนักงาน ในสถานการณ์ที่อยู่ระหว่างการเปลี่ยนผ่านของกองทุน บางปรากฏการณ์มีผลกระทบต่อขวัญและกำลังใจของพนักงาน ทั้งนี้เพราะได้รับรู้ และเห็นบทสรุปของเหตุการณ์ที่เกิดในกองทุนเรื่อยมา โดยเฉพาะความขัดแย้งในกระบวนการบริหารบุคคล ตลอดจนความชัดเจนของกรอบนโยบาย งบประมาณ ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ และพันธกิจของสำนักงานกองทุน (สำนักงานใหญ่) ขณะเดียวกัน แนวทางเรื่องแก้ปัญหาหนี้สินเกษตรกร ขององค์กรเจ้าหนี้ของเกษตรกรบางประเภท ได้มีข่าวคราวการเคลื่อนไหว ให้เกษตรกรรับทราบเช่นเดียวกัน ทำให้เกษตรกรสับสน มีผลต่อการตัดสินใจ ระหว่างสังกัดองค์กรเกษตรกร ที่เป็นสมาชิกกองทุนฟื้นฟูกับองค์กรอื่น ๆ เหมือนถูกยื้อแย่งไปจัดตั้งแล้วดำเนินการพัฒนา แนวทางแก้ไข จากปัญหาความไม่ทั่วถึงและความไม่เท่ากันในการรับรู้และเข้าถึงข้อมูลและ ข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับกิจการของกองทุน นับเป็นปัญหาของยุคสมัย ในโลกยุคข้อมูลข่าวสาร เป็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับเครื่องมือสื่อสารและเทคโนโลยี แต่ในด้านคุณภาพเกษตรกรก็ยังขาดวิจารณญาณ และองค์ประกอบของกระบวนการตัดสินใจ สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร สาขาจังหวัดบุรีรัมย์ ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหา ดังนี้ 1. ออกนิเทศองค์กรเกษตรกรโดยตรงนำสาระของภารกิจกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร นำเสนอในที่ประชุมองค์กรเกษตรกร นอกจากนั้นยังมีการประชาสัมพันธ์ ตอบข้อซักถาม ข้อข้องใจทางโทรศัพท์ ตลอดจนการนิเทศเฉพาะหน้า เมื่อเกษตรกรหรือกลุ่มองค์กรมาติดต่อ ณ สำนักงาน ทำให้เกิดความรู้ความเข้าใจตรงกัน สามารถลดความเข้มของปัญหา การรับรู้ ความเท่าทัน และความทั่วถึงไปได้ อย่างมีนัยสำคัญ ช่วงเวลาที่ผ่านมา มีการนิเทศเฉพาะหน้าที่เกษตรกรมาติดต่อประสานงาน 48 องค์กร การออกนิเทศตามคำเรียกร้องขององค์กรเกษตรกร 25 องค์กร การให้คำแนะนำทางโทรศัพท์ ไม่ต่ำกว่า 120 ครั้ง 2. การแก้ปัญหาความไม่มีประสิทธิภาพของฐานข้อมูล ปัญหานี้สอดคล้องกับแนวคิดที่จะแก้ไขปัญหาความไม่มีประสิทธิภาพ โดยสำนักงานใหญ่ให้จัดตั้งคณะทำงาน ด้านการพัฒนาฐานข้อมูล ซึ่งขณะนี้ทราบว่าคณะทำงานกำลังจัดดำเนินงาน คาดว่าเมื่อผลงานออกมา สำนักงานสาขาคงได้ใช้ประโยชน์แก้ปัญหาต่อไปได้ 3. ความสับสนรายละเอียดของเอกสาร การแก้ปัญหาที่เป็นไปได้ เป็นเพียงการช่วยตรวจสอบ และแนะนำการกรอกตลอดจนเรียกมาแก้ไข หรือไม่ก็เรียกเอกสารต้นฉบับมาเปรียบเทียบและตรวจสอบ การดำเนินการดังกล่าว ก็สามารถผ่อนคลายความสับสนไปได้ตามสมควร 4. ปัญหาขวัญและกำลังใจของพนักงานในระยะเปลี่ยนผ่าน แม้ด้านหนึ่งจะให้ความรู้สึกบั่นทอนขวัญและกำลังใจแต่อีกด้านหนึ่งก็สามารถเพิ่มความระมัดระวังในการปฏิบัติงาน ตลอดจนทำให้มองเห็นแง่ดี ว่าที่ใดมีการเปลี่ยนแปลง แสดงว่าที่นั่นกำลังพัฒนา ปรากฏการณ์ดังกล่าว ทำให้พนักงานตระหนักในการปฏิบัติงานยิ่งขึ้นอีกด้วย 2. การปฏิบัติงานตามแผนยุทธศาสตร์ 2.1 แผนพัฒนาการบริหาร 2.1.1 การบริหารสำนักงาน สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร สาขาจังหวัดบุรีรัมย์ จนถึงขณะนี้ ยังใช้พื้นที่ปฏิบัติงานร่วมกับสำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดบุรีรัมย์ ได้พยายามเลือกสรร พื้นที่ ที่จะใช้เป็นสำนักงานที่เหมาะสม เพราะพื้นที่เดิมคับแคบ ประกอบกับการรับรู้เรื่องสำนักงานกองทุนฯ ของเกษตรกร เริ่มแพร่ไปในหมู่เกษตรกรและหน่วยงานข้างเคียง ทั้งนี้จาก การประชาสัมพันธ์ การนิเทศ การรับรู้จากสื่อ การประสานงานกับหน่วยราชการ และหน่วยงานส่วนท้องถิ่น ยิ่งทำให้มีการติดต่อประสานงานกันมากขึ้น การบริการของพนักงานก็มีมากขึ้นเป็นเงาตามตัว จึงได้พยายามค้นหา และรวบรวมข้อมูล อาคารสถานที่ที่เหมาะสมในการตั้งเป็นสำนักงานกองทุนฯ ขณะนี้ได้ติดต่อขอเช่าอาคารของเอกชน และกำลังประสานการดำเนินการเช่ากับสำนักงานใหญ่ เพื่อที่จะขยับขยายให้เป็นพื้นที่ที่เหมาะสมในการปฏิบัติงานต่อไป 2.1.2 การจัดทำฐานข้อมูล การจัดทำฐานข้อมูล ใช้ประกอบการบริหารและการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพ ขณะนี้กำลังรอผลงานของคณะทำงานด้านพัฒนาฐานข้อมูล ของสำนักงานใหญ่ ซึ่งเมื่อผลงานสำเร็จออกมาและได้ใช้ร่วมกันทุกสาขา การบริหารงาน คงมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น 2.1.3 การประสานนโยบายและนำนโยบายสู่การปฏิบัติ จากการสั่งการของสำนักงานใหญ่ จากประกาศของคณะกรมการบริหาร สำนักงานกองทุนฯ สาขาจังหวัดบุรีรัมย์ ได้ดำเนินงานเพื่อให้บรรลุความมุ่งหมายของการสั่งการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การขึ้นทะเบียนหนี้ และการขึ้นทะเบียนองค์กรเกษตรกร นอกจากนั้นยังต้องศึกษาระเบียบและแนวทางปฏิบัติ ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงาน ในบางโอกาสหากมีข้อดำเนินงานที่ต้องรับรู้อย่างถูกต้อง ก็ได้เรียกประธานองค์กรเกษตรกรที่เกี่ยวข้องมารับทราบ ข้อแนะนำ และแนวทางปฏิบัติ เพื่อนำไปดำเนินการในองค์กรเกษตรกรต่อไป อย่างไรก็ตาม การปฏิบัติงานยังต้องเผชิญปัญหาความล่าช้า และปัญหาการนำของผู้นำองค์กรเกษตรกร อยู่ด้วยเช่นกัน เพราะยังมีการเหมาทำแทนอยู่เป็นส่วนใหญ่ 2.1.4 การบริหารงานการเงินและพัสดุ แม้ขณะนี้สำนักงานกองทุนฯ สาขาจังหวัดบุรีรัมย์ จะขาดพนักงานที่ปฏิบัติงานด้านการเงินและพัสดุ แต่ก็พยายามร่วมมือกันจัดการปัญหา ทำให้การปฏิบัติงานดำเนินไปได้ด้วยดี ขณะนี้ได้รับลูกจ้างชั่วคราวปฏิบัติงานธุรการ เพื่อให้การปฏิบัติงานมีความคล่องตัวยิ่งขึ้น การบริหารงบประมาณ ณ ขณะนี้ปรากฏผลดังนี้ ผลการดำเนินงาน การปฏิบัติงานด้านการพัฒนา การบริหาร ส่วนใหญ่ปฏิบัติตามนโยบาย และการสั่งการของสำนักงานใหญ่ ตลอดจนการประสานการปฏิบัติงานกับหน่วยงานอื่น การร่วมประชุมกับศูนย์อำนวยการปฏิบัติการต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจน การออกพื้นที่ร่วมกับหน่วยคาราวานแก้จน ตามนโยบายของรัฐบาล การดำเนินงานขึ้นทะเบียนหนี้และขึ้นทะเบียนองค์กร ได้รับความสำเร็จตามความต้องการของเกษตรกร และสอดคล้องกับระเบียบปฏิบัติ ขณะนี้การดำเนินงานอยู่ระหว่างการตรวจสมอบความถูกต้อง และการประมวลผลข้อมูล เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจเชิงบริหารต่อไป ปัญหาและอุปสรรค การบริหารงานภายในสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร สาขาจังหวัดบุรีรัมย์ ส่วนใหญ่ปฏิบัติงานด้วยความราบรื่น มีลักษณะการบริหารแบบมีส่วนร่วม และพนักงานมีจิตใจรับใช้เกษตรกรเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงไม่มีเสียงสะท้อนด้านลบจากผู้รับบริการแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามก็ยังพบปัญหาและอุปสรรคดังต่อไปนี้ 1. ความคับแคบของสำนักงาน ที่ก่อให้เกิดความไม่สะดวกในการจัดสำนักงาน ไม่สามารถบริการเกษตรกรเมื่อมารับบริการคราวละหลาย ๆ คนได้ 2. ปัญหาการขาดทักษะในการกรอกแบบฟอร์ม เอกสารต่างๆ ของเกษตรกร ตลอดจนความเอาใจใส่จริงจังต่อภารกิจ การดำเนินงานของผู้นำองค์กร โดยเฉพาะกลุ่มองค์ กรที่เป็นนิติบุคคล หรือสหกรณ์การเกษตร ออกจะเป็นปัญหาแปลกแยกทางแนวคิดกับสมาชิก ในเรื่องการขึ้นทะเบียนหนี้ เป็นต้น 3. ความไม่พร้อมในการประมวลผลข้อมูล การขึ้นทะเบียนหนี้ และทะเบียน องค์กรเพราะต้อง รอโปรแกรมจากสำนักงานใหญ่ แนวทางแก้ไข การแก้ไขปัญหาการบริหารงานในสำนักงาน ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาและอุปสรรค 1. การเร่งหาสถานที่ ที่จะเช่าใช้เป็นสำนักงาน เพื่อจัดสำนักงานให้เป็นที่ น่าอยู่ น่าใช้ในการปฏิบัติงาน 2. การอธิบายชี้แจง แนะนำ ฝึกปฏิบัติ แก้ไขปัญหาความไม่รู้ ไม่เข้าใจ ไม่มีทักษะในการคิด การเขียน การกรอกแบบฟอร์มของเกษตรกร ทั้งที่มาติดต่อที่สำนักงานและนอกพื้นที่สำนักงาน โดยพนักงานร่วมกันดำเนินงานมิแยกฝ่าย แยกความรับผิดชอบ จนปรากฏผลงานเป็นที่น่าพึงพอใจของเกษตรกร 3. การประมวลผลข้อมูล การขึ้นทะเบียนหนี้และขึ้นทะเบียนองค์กร งานด้านนี้ดำเนินการได้เพียงเร่งรัด และรอโปรแกรมการประมวลผลจากสำนักงานใหญ่ เท่านั้น 2.2 การพัฒนาบุคลากร หน่วยงานหรือองค์กรมีความจำเป็นต้องพัฒนาบุคลากร โดยเฉพาะวิธีคิดและกระบวนการคิดที่เป็นวิทยาศาสตร์ และสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ และเจตนารมณ์ ของการที่ต้องมีหน่วยงานหรือองค์กร สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร สาขาจังหวัดบุรีรัมย์ ได้ดำเนินการพัฒนาบุคลากร ด้วยกิจกรรมดังนี้ 1. การให้บุคลากรเข้าร่วมประชุมสัมมนา ในโอกาสที่สำนักงานใหญ่ หน่วยงาน หรือองค์กรที่จัดประชุมแจ้งให้เข้าร่วม ทั้งเรื่องที่อยู่ในภารกิจและเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเกษตรกร ทั้งนี้เพื่อพัฒนาโลกทัศน์ อันจะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการปฏิบัติงานที่ ดีขึ้น 2. การจัดประชุมพนักงาน โดยสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร สาขาจังหวัดเอง ทั้งนี้เพื่อนำข้อคิด นโยบายและแนวทางการดำเนินงาน ให้บรรลุวัตถุประสงค์ พ.ร.บ. กองทุน อีกทั้งเป็นการปลูกฝังจิตสำนึกต่อสังคมและเกษตรกร เพื่อให้ร่วมปฏิบัติงานด้วยกันอย่างมีประสิทธิภาพ 3. การมอบหมายให้ศึกษาจากเอกสาร หนังสือ ที่เกี่ยวข้องกับแนวคิด ปรัชญาการพัฒนาคน ทั้งทางด้านมนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ ตลอดจนให้ความรู้และฝึกทักษะด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทำให้พนักงานตระหนักและเห็นคุณค่าการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาการปฏิบัติงานที่มีประสิทธิภาพ 4. การนำพนักงานออกนิเทศ ชี้แนะ ให้ความรู้เรื่องกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร การอาชีพด้านเกษตรกรรม เรื่องกฎหมายและนโยบาย ให้แก่องค์กรเกษตรกร จนทำให้ สนง.กองทุนเป็นที่รับรู้และศรัทธา เชื่อมั่นในกองทุนยิ่งขึ้น ทั้งเป็นการฝึกปรือพนักงาน ด้านการนำเสนอข้อมูลแก่เกษตรกรอีกด้วย เป็นการฝึกทักษะด้านเทคนิค ด้านมนุษย์สัมพันธ์และทักษะมโนมติให้เกิดแก่พนักงานได้อย่างดี ผลการดำเนินงาน การพัฒนาบุคลากรของสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร สาขาจังหวัดบุรีรัมย์ กระทำโดยกิจกรรมดังกล่าว มาอย่างต่อเนื่อง บังเกิดความเปลี่ยนแปลงกับพนักงานดังนี้ 1. พนักงานมีมนุษย์สัมพันธ์ดีขึ้น กล้าคิด กล้าแสดงออก มีวาทะ ท่าที ท่วงทำนองเปิดเผย จริงใจ สามารถรับรู้ปัญหาและความต้องการขององค์กร ความเปิดเผยจำเป็นต้องจัดให้มีขึ้น เป็นวัฒนธรรมองค์กร ซึ่งเป็นวัฒนธรรมที่ก้าวหน้า เป็นประโยชน์ต่อการบริหารองค์กรอันสำคัญ 2. พนักงานได้รับการพัฒนาวิสัยทัศน์ ด้วยการผสมผสานโลกทัศน์ และทัศนต่อชีวิต นำมาปรับจัดบุคลิกภาพในการปฏิบัติงานร่วมกัน ให้เกิดความสอดคล้องสมดุล ก่อให้เกิดภาวการณ์นำมากกว่าการบังคับบัญชา มีท่าทีของมิตรมากว่าปฏิปักษ์ พนักงานจึงรับภาระงานไปปฏิบัติและสร้างสรรค์งานที่รับผิดชอบ ด้วยความสุขและเต็มใจ ไม่ก่อปัญหาต่อการปฏิบัติงาน และการบังคับบัญชาแต่อย่างใด 3. การพัฒนาและเสริมสร้างการเรียนรู้ และการนำเทคโนโลยีไปใช้ประกอบการปฏิบัติงานของพนักงาน ทำให้ประสิทธิภาพการปฏิบัติงานเป็นไปอย่างน่าพึงพอใจ สามารถประหยัดเวลา ประหยัดแรงงาน ประหยัดวัสดุอุปกรณ์ อีกทั้งยังผลต่อการปฏิบัติงาน ยังสนองตอบความต้องการของผู้รับบริการได้อย่างทันท่วงที เป็นผลดีต่อการสร้างศรัทธา และความเชื่อมั่นต่อกองทุนเป็นอย่างมาก ปัญหาและอุปสรรค ปัญหาการพัฒนาบุคลากร พบปัญหาและอุปสรรค 1. การพัฒนาทักษะและเจตคติ เป็นเรื่องต้องใช้เวลา และความต่อเนื่อง อีกทั้งต้องน้อมใจลงไปรับรู้และศึกษาอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน การให้การศึกษา เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม แนวคิด จะต้องทำให้เกิดการเห็นคุณค่าของภารกิจ และการงานที่จะต้องกระทำ อีกทั้งต้องจัดวางงานให้เป็นธรรม ตลอดจนสร้างขวัญและกำลังใจให้พนักงานอีกด้วย 2. พนักงานมีความลำบากใจในการให้การศึกษาแก่เกษตรกร ในขณะที่เกษตรกรต้องการลดภาระหนี้ ต้องการมีเงินเพื่อให้ชีวิตดีขึ้น ต้องการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่เร่งด่วน แต่กองทุนและพนักงานมีเพียงแนวคิด ที่กำหนดโดยกฎหมาย ระเบียบและกระบวนการปฏิบัติงานกับเกษตรกร แต่ขาดวัตถุปัจจัยในการแก้ปัญหาของเกษตรกร ให้ปรากฏเป็นรูปธรรม ดังนั้นแม้จะมีแนวคิด แนวทางในระยะยาวดีเพียงใด แต่ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาเร่งด่วนของเกษตรกรให้ทันท่วงที 3. พนักงานหวั่นไหวต่อขวัญกำลังใจ และหวาดผวากับความมั่นคง อันอาจส่งผลจากกรณีมีการเปลี่ยนแปลงขององค์กรส่วนอื่นๆ ของกองทุน ตลอดจนต้องเรียนรู้ ต้องเท่าทัน ความเคลื่อนไหว ของกลุ่มพลังเกษตรกรและกลุ่มพลังอื่น ๆ โดยเฉพาะในยุคสมัยของนโยบายแก้ปัญหาความยากจน นับว่าเป็นงานที่ท้าทายและต้องการพลังทุ่มเทอย่างสำคัญ แนวทางแก้ไข 1. ควรมีการกำหนดกิจกรรมกระบวนการ พัฒนาความคิด จิตสำนึกของพนักงานทุกระดับ เพื่อให้มีวิสัยทัศน์ ความเชื่อ และปรัชญาในการดำเนินงานร่วมกัน ให้บรรลุเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ. กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร เพราะพนักงานมีแนวคิดในการพัฒนาตามพันธกิจ และยุทธศาสตร์ของกองทุนต่างระดับกัน อาจทำให้การดำเนินงานให้บรรลุจุดหมายเป็นไปด้วยความล่าช้า หรืออาจเกิดความขัดแย้งที่ยากแก่การบริหาร ดังตัวอย่างรูปธรรมที่ปรากฏให้เห็นอยู่เรื่อยมา 2. กิจกรรมพัฒนาหรือแก้ปัญหาตามเจตนารมณ์ นโยบาย กฎหมาย หรือระเบียบปฏิบัติของกองทุน ควรถึงเวลาที่กิจกรรมจะต้องเห็นเป็นรูปธรรมแล้ว ซึ่งจะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่พนักงาน และเกษตรกรได้เป็นอย่างดี ถึงเวลาที่ประสิทธิภาพการบริหารจะต้องปรากฏผลเป็นจริง หลังจากใช้เวลามาเกือบจะ 10 ปี ในการบริหารของสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร 3. ความขัดแย้ง ดูด้านหนึ่งเหมือนการตั้งต้นของการพัฒนาเปลี่ยนแปลง แต่อีกด้านหนึ่งก็อาจนำไปสู่การสูญสลาย ดังนั้นจึงมีอิทธิพลต่อความคิด ความรู้สึกของพนักงาน และความรู้สึกของเกษตรกร อาจรู้สึกไปว่าสำนักงานกองทุนเป็นเพียงเวทีแสดงความขัดแย้ง ของแนวคิดฝ่ายต่างๆ มิได้จริงจังกับการแก้ปัญหาเกษตรกร เมื่อถึงเวลาใดเวลาหนึ่งที่เกษตรกร เข้ามามีส่วนร่วมกับปัญหา อาจทำให้ฝ่ายบริหารประเทศ หรือสังคมทั่วไป มองความหมายเป็นอื่นไปก็ได้ ดังนั้นควรบริหารจัดการความขัดแย้งด้วยความมีประสิทธิภาพ โดยถือประโยชน์ของเกษตรกร ตามเจตนารมณ์ พ.ร.บ. กองทุน เป็นสำคัญ 2.3 การพัฒนาองค์กรเกษตรกรให้เข้มแข็ง กล่าวโดยยุทธศาสตร์ของกองทุน ในการพัฒนาองค์กรเกษตรกรให้เข้มแข็งนั้น ย่อมเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่า การจะพัฒนาคนหรือองค์กรของคนให้เข้มแข็ง ต้องเริ่มกันที่แนวคิด สติปัญญา โดยต้องสร้างความรู้ตัวทั่วพร้อม ให้ตระหนักในปัญหาที่ตนเองเผชิญ หากยังไม่รู้ตัว ไม่รู้จักปัญหา และสาเหตุของปัญหาของตนเอง ย่อมไม่สามารถสร้างความตระหนัก และสำนึกในปัญหาและภารกิจของตนเองได้ ยิ่งกับกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ที่มีเกษตรกรเป็นสมาชิกอยู่ด้วยแล้ว ยิ่งต้องเป็นภาระหนักในการสร้างศรัทธา และเผยแพร่แนวคิด เพื่อให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ และเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ. กองทุน ขณะที่พนักงานมีจำนวนไม่เพียงพอ เหมาะสมกับองค์กรเกษตรกรที่มีจำนวนมาก อยู่ในพื้นที่ที่กว้างใหญ่ อีกทั้งการนำองค์กรก็ยังไม่มีความเข้มแข็งมุ่งมั่นเพียงพอ ประกอบกับการส่งเสริมสนับสนุนการเรียนรู้ที่เกี่ยวกับ พ.ร.บ. กองทุน ก็ยังไม่เพียงพอ ขณะที่เกษตรกรอยู่นอกกองทุนก็มีมาก นอกจากนี้ยังมีองค์กรอื่นๆ เรียกร้องเกษตรกรไปสังกัดก็มีหลากหลายองค์กร แต่ละองค์กรก็ให้แนวทางการพัฒนาชีวิตไปตามศรัทธาและความเชื่อ ยากทีเกษตรกรจะใช้วิจารณญาณต่อแนวทางต่างๆ เหล่านั้นได้อย่างถ่องแท้ จึงมักเกิดการหลอกลวงดังที่เป็นข่าวคราวตลอดมา สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร สาขาจังหวัดบุรีรัมย์ ถึงขณะนี้มีองค์กรเกษตรกรในสังกัด 1,267 องค์กร มีสมาชิก 180,300 คน ได้รับการติดต่อ ประสานงาน นิเทศ เรียนรู้ร่วมกันกับสำนักงานมาแล้ว 50 องค์กร นอกนั้นได้ประสานการรับรู้ทางโทรศัพท์ หรือพบปะพูดคุยอย่างไม่เป็นทางการ โดยสรุปความคาดหวังขององค์กรเกษตรกรนั้น มุ่งหวังแต่เงินทุนที่จะได้จากกองทุน ความคิดที่จะพัฒนากลุ่มองค์กร และการนำองค์กรนั้นยังอ่อนแออยู่มาก เพราะองค์กรส่วนใหญ่ เกิดขึ้นในขณะที่ความตระหนักในความสำคัญของการรวมกลุ่ม ยังไม่เพียงพอ เพราะส่วนใหญ่ยากจน หากมีการเสนอความช่วยเหลือจะรีบสนองทันที ทั้งๆที่ความคิด และสติปัญญา ยังต้องสร้างสรรค์อย่างสำคัญยิ่ง ดังที่กล่าวมา ปรากฏการณ์ดังกล่าว ย่อมส่งผลต่อยุทธศาสตร์ด้านการสร้างภูมิปัญญาที่เป็นอิสระ เชื่อมั่นในตนเอง ภูมิใจและมั่นใจในความหมายของตนเอง พึ่งตนเองได้ แต่ท่ามกลางสังคมการสื่อสาร การผลิตซ้ำ ทำให้เกษตรกรขึ้นต่อ มิได้คิดเอง ทำเอง ปัจจุบันจึงเป็นทั้งผู้ผลิตวัตถุดิบทางการเกษตรเบื้องต้น แต่ปัจจัยการผลิตขึ้นต่อทุน ครั้งแล้วก็ขึ้นต่อตลาด เมื่อจำหน่ายผลผลิตแล้วกลายเป็นผู้บริโภคผลผลิตของตนเอง เมื่ออุตสาหกรรมแปรรูปแล้ว ในราคาที่จำยอม วงจรเช่นนี้ ทำให้ไม่สามารถปลุกให้หยิ่งในภูมิปัญญา และเชื่อมั่น พึ่งตนเองได้ เว้นแต่จะต้องส่งเสริม ศึกษาเรียนรู้ จนเห็นแก่นแท้ของปัญหา จึงจะเกิดความตระหนัก และภูมิใจใน ภูมิปัญญาของตนเองได้ การพัฒนาอาชีพ และการเกื้อกูลกันในหมู่เกษตรกร องค์กรเกษตรกรสังกัดสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร สาขาจังหวัดบุรีรัมย์ องค์กรที่งานอาชีพรวมกลุ่ม เช่น การผลิตผ้าไหมทอมือ สหกรณ์การเกษตรที่เลี้ยงโคนม ผลิตน้ำนม นอกนั้นยังไม่เห็นการผลิตเป็นกระบวนการกลุ่ม เป็นแต่เพียงเกษตรกรรายครอบครัว ที่มีการผลิตทางการเกษตรเหมือนกัน มิได้ผลิตรวมหมู่ มีการเกื้อกูลกันทางแรงงาน เป็นสำคัญ มิได้ดำเนินการคิดรวมหมู่ วางแผนรวมหมู่ ปฏิบัติการรวมหมู่ ได้ผลประโยชน์มาจัดสรรรวมหมู่ ซึ่งมีความสำคัญที่จะต้องสร้างสรรค์พัฒนา ให้เกิดมีมากขึ้นให้จงได้ ปัญหาและอุปสรรค 1. ความไม่เพียงพอของการประชาสัมพันธ์ สร้างศรัทธา เผยแพร่แนวคิด ตามเจตนารมณ์ พ.ร.บ. กองทุนฯ ทั้งนี้เนื่องจากการขาดสื่อ พนักงานจำนวนน้อย พาหนะ อีกทั้งปัญหาการรวมตัวของเกษตรกร เพราะมีภาระการงาน แบ่งสรรเวลาได้ยาก ทำให้การนิเทศ การประชาสัมพันธ์ การร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เป็นไปโดยประสิทธิภาพไม่เพียงพอ 2. ความไม่เชื่อมั่น ภาคภูมิใจในตนเองของเกษตรกร การครอบงำภูมิปัญญา จิตสำนึกโดยสื่อต่างๆ ที่เห็นโฆษณาด้านพาณิชย์ อุตสาหกรรม โดยการผลิตซ้ำ ทำให้เกษตรกรเห็นดี เห็นงาม ขึ้นต่อความคิดที่นำเสนอเป็นส่วนมาก ทำให้ขาดความเชื่อมั่น ภูมิใจในตนเอง อีกทั้งยังเป็นผลผลิตของการศึกษา ยุคสมัยท่องจำ ได้ส่งเสริมความคิด และปัญญา กลายเป็นนักอนุรักษ์ มากกว่านักสร้างสรรค์ที่ก้าวหน้า 3. การนำองค์กรยังไม่เข้มแข็ง ส่วนมากองค์กรมีลักษณะนำผู้เคารพนับถือ ผู้สูงอายุ มากกว่าการนำทางความคิด สติปัญญาในการแก้ปัญหาชีวิต และสังคม แนวทางแก้ไข 1. จัดให้มีคณะทำงานวิจัยและพัฒนา คิดค้นหลักสูตร สื่อ กิจกรรม กระบวนการ เพื่อพัฒนา ความคิด ทักษะและเจตคติของเกษตรกรให้เท่าทัน มุ่งมั่น รู้ตัวทั่วพร้อม สามารถวางแผนปฏิบัติงาน และดำเนินงานตามแผน ด้วยกระบวนการรวมหมู่ เพื่อพัฒนาตัวเกษตรกร หรือพัฒนาคน อันเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง 2. ฝึกอบรมภาวการณ์นำแก่คณะกรรมการองค์กรเกษตรกร ตลอดจนฝึกทักษะเรียนรู้กระบวนการบริหารจัดการองค์กร การสร้างเสริมกระบวนการร่วมคิด ร่วมศึกษา ร่วมใช้แรงงาน เกื้อกูลกันในองค์กรเกษตรกร จะสามารถส่งเสริมและพัฒนา ทักษะกระบวนการแก่องค์กรให้ มากขึ้น 3. สำนักงานใหญ่ควรมีกรอบ แผน นโยบาย งบประมาณ กิจกรรมที่เป็นกิจกรรมหลักระดับประเทศ แล้วประสานกับสำนักงานสาขาเพื่อร่วมแผน กิจกรรม เช่น กระบวนการแลกเปลี่ยนสินค้าการเกษตรระหว่างภูมิภาคในราคายุติธรรม ระหว่างเกษตรกรผู้ผลิตเช่นเดียวกัน |