พระราชบัญญัติ
กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร
พ.ศ.
๒๕๔๒
----------
ภูมิพลอดุลยเดช
ป.ร.
ให้ไว้
ณ วันที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๒
เป็นปีที่
๕๔ ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรให้มีกฎหมายว่าด้วยกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า
ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของรัฐสภา
ดังต่อไปนี้
มาตรา
๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า
พระราชบัญญัติกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร
พ.ศ. ๒๕๔๒
มาตรา
๒
พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา
๓
ในพระราชบัญญัตินี้
เกษตรกรรม หมายความว่า
การเพาะปลูก การเลี้ยงสัตว์ การจับสัตว์น้ำ
การใช้และบำรุงรักษาทรัพยากรจากที่ดิน น้ำ และป่าไม้อย่างยั่งยืน
และให้หมายความรวมถึงการสร้างมูลค่าเพิ่ม การแปรรูป การจำหน่าย
ซึ่งเป็นกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการเพาะปลูก การเลี้ยงสัตว์การจับสัตว์น้ำ
การใช้และบำรุงรักษาทรัพยากรจากที่ดิน น้ำ และป่าไม้อย่างยั่งยืน
และการอื่นตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา
เกษตรกร หมายความว่า
บุคคลธรรมดาซึ่งประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลักตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด
องค์กรเกษตรกร หมายความว่า
กลุ่มหรือคณะของเกษตรกรที่มารวมกันเพื่อวัตถุประสงค์ในการประกอบเกษตรกรรมร่วมกัน
โดยจะเป็นหรือไม่เป็นนิติบุคคลก็ได้
และได้ขึ้นทะเบียนต่อสำนักงานหรือสำนักงานสาขา
กองทุน หมายความว่า
กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร
คณะกรรมการ หมายความว่า
คณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร
คณะกรรมการบริหาร หมายความว่า
คณะกรรมการบริหารกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร
สำนักงาน หมายความว่า
สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร
เลขาธิการ หมายความว่า
เลขาธิการสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร
รัฐมนตรี หมายความว่า
รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา
๔
ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
และให้มีอำนาจออกกฎกระทรวงและประกาศเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
กฎกระทรวงและประกาศนั้น
เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้
หมวด
๑
กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร
------------
มาตรา
๕
ให้จัดตั้งกองทุนขึ้นกองทุนหนึ่ง เรียกว่า กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร
ให้กองทุนเป็นนิติบุคคล
มีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
(๑)
ส่งเสริมและสนับสนุนการรวมกลุ่มของเกษตรกรในการพัฒนาคุณภาพชีวิตและการแก้ไขปัญหาของเกษตรกร
(๒)
ส่งเสริมและสนับสนุนการฟื้นฟูและพัฒนาอาชีพเกษตรกรรมของเกษตรกร
(๓)
พัฒนาความรู้ในด้านเกษตรกรรมหรือกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับเกษตรกรรม
เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้แก่องค์กรเกษตรกร
(๔)
พัฒนาศักยภาพในการพึ่งพาตนเองและเกื้อกูลซึ่งกันและกันระหว่างเกษตรกร
มาตรา
๖
กองทุนประกอบด้วยเงินและทรัพย์สิน ดังต่อไปนี้
(๑)
เงินทุนประเดิมที่รัฐบาลจัดสรรให้
(๒)
เงินอุดหนุนจากรัฐบาลหรือที่ได้รับจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี
(๓)
เงินหรือทรัพย์สินที่ได้จากการบริจาค
(๔)
เงินที่ได้จากการจำหน่ายทรัพย์สินของกองทุน
(๕)
เงินหรือทรัพย์สินที่ตกเป็นของกองทุน
(๖)
ดอกผลหรือรายได้จากเงินหรือทรัพย์สินของกองทุน
ในกรณีกองทุนมีจำนวนเงินไม่พอสำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของสำนักงาน
และ ค่าภาระต่าง ๆ ที่เหมาะสม
รัฐพึงจัดสรรงบประมาณแผ่นดินเข้าสมทบกองทุนเท่าจำนวนที่จำเป็น
มาตรา
๗
กิจการของกองทุนไม่อยู่ในบังคับแห่งกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน
กฎหมายว่าด้วยแรงงานสัมพันธ์ กฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม
และกฎหมายว่าด้วยเงินทดแทน
มาตรา
๘
กองทุนมีอำนาจกระทำกิจการต่าง ๆ ภายในขอบแห่งวัตถุประสงค์ ตามมาตรา ๕
อำนาจเช่นว่านี้ให้รวมถึง
(๑)
ถือกรรมสิทธิ์ มีสิทธิครอบครอง และมีทรัพยสิทธิต่าง ๆ
(๒)
ก่อตั้งสิทธิ หรือกระทำนิติกรรมใด ๆ ทั้งในและนอกราชอาณาจักร
(๓)
ให้องค์กรเกษตรกรกู้ยืมเงินเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร
(๔)
กู้ยืมเงินเพื่อประโยชน์ในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของกองทุน
(๕)
ลงทุนหาผลประโยชน์จากทรัพย์สินของกองทุน
(๖)
กระทำการอย่างอื่นบรรดาที่เกี่ยวกับหรือเกี่ยวเนื่อง
ในการจัดให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ของกองทุน
มาตรา
๘/๑
ห้ามมิให้บุคคลใดยกอายุความขึ้นต่อสู้กับกองทุนในเรื่องทรัพย์สินของกองทุนที่ใช้หรือได้มาเพื่อการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของพระราชบัญญัตินี้
ทรัพย์สินของกองทุนไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี
มาตรา
๙
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของกองทุน
และค่าใช้จ่ายตามภาระผูกพันของกองทุนให้จ่ายจากเงินกองทุน
ตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด โดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง
มาตรา
๑๐ กองทุนไม่เป็นส่วนราชการ
หรือรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ
รายรับของกองทุนให้นำเข้าสมทบกองทุนโดยไม่ต้องนำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน
มาตรา
๑๐/๑
เพื่อจัดระบบควบคุมเงินของกองทุน
ให้กองทุนจัดให้มีบัญชีจัดการหนี้ของเกษตรกร
เพื่อใช้จ่ายในการจัดการหนี้ของเกษตรกรโดยเฉพาะ
มาตรา
๑๑
ภายในกำหนดเวลาหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันสิ้นปีบัญชี
ให้คณะกรรมการเสนองบดุลแสดงฐานะการเงิน
โดยมีคำรับรองการตรวจสอบของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินและทำรายงานแสดงผลการปฏิบัติงานเสนอต่อคณะรัฐมนตรี
งบดุลและรายงานตามวรรคหนึ่ง
ให้รัฐมนตรีนำเสนอรัฐสภาเพื่อทราบและจัดให้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา
หมวด
๒
คณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร
-------------
มาตรา
๑๒
ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งเรียกว่า คณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ประกอบด้วย
นายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมายเป็นประธานกรรมการ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นรองประธานกรรมการ
ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปลัดกระทรวงการคลัง
ปลัดกระทรวงมหาดไทยปลัดกระทรวงพาณิชย์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม
เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ
ผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งจำนวนสิบเอ็ดคน
และผู้แทนเกษตรกรจำนวนยี่สิบคนเป็นกรรมการ
ให้เลขาธิการเป็นกรรมการและเลขานุการ
การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามวรรคหนึ่ง
ให้พิจารณาแต่งตั้งจากบุคคลซึ่งมีความรู้ความเชี่ยวชาญ มีผลงาน
และประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารการเงินหรือการธนาคาร
การฟื้นฟูและพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น อุตสาหกรรมชุมชน
เทคโนโยลีการเกษตรการพัฒนาแหล่งน้ำ
และการอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
โดยให้แต่งตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิภาคราชการจำนวนห้าคน
และผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชนจำนวนหกคน
มาตรา
๑๓
การแต่งตั้งผู้แทนเกษตรกรตามมาตรา ๑๒
ให้รัฐมนตรีแต่งตั้งเกษตรกรซึ่งได้รับเลือกตั้งจากสมาชิกองค์กรเกษตรกรในสี่ภูมิภาค
อย่างน้อยภูมิภาคละสองคน
ส่วนที่เหลือให้เป็นไปตามสัดส่วนของสมาชิกเกษตรกรในแต่ละภูมิภาค
การแบ่งภูมิภาคและการเลือกตั้งให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
มาตรา
๑๔
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชนและผู้แทนเกษตรกรต้องไม่มีลักษณะต้องห้าม
ดังต่อไปนี้
(๑)
ไม่เป็นข้าราชการการเมือง ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น หรือกรรมการ ที่ปรึกษา
หรือเจ้าหน้าที่ของพรรคการเมือง
(๒)
ไม่เป็นข้าราชการ
พนักงานองค์กรของรัฐซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ
(๓)
ไม่เป็นบุคคลซึ่งทางราชการหรือรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานอื่นของรัฐไล่ออกปลดออก
ให้ออก หรือเลิกจ้างเพราะเหตุทุจริตต่อหน้าที่
มาตรา
๑๕ คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่
ดังต่อไปนี้
(๑)
เสนอความเห็นต่อคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับนโยบายการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรและการฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร
(๒)
พิจารณาเสนอแนะต่อรัฐมนตรีในการออกกฎกระทรวง ระเบียบ
และประกาศเพื่อดำเนินการตามพระราชบัญญัตินี้
(๓)
กำหนดนโยบายและออกระเบียบ ข้อบังคับ และประกาศ
ในการบริหารกิจการของกองทุน
(๔)
ออกระเบียบเกี่ยวกับการรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน
และการจัดหาผลประโยชน์ของกองทุน
(๕)
ออกระเบียบเกี่ยวกับการรับขึ้นทะเบียนและการเพิกถอนทะเบียนองค์กรเกษตรกร
(๖)
ออกระเบียบเกี่ยวกับการพิจารณาแผนและโครงการฟื้นฟูและพัฒนาขององค์กรเกษตรกร
การติดตามและประเมินผลการดำเนินการตามแผนและโครงการ
(๗)
ออกระเบียบเกี่ยวกับการจ่ายเงินของกองทุนตามแผนและโครงการฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร
และการใช้คืนเงินให้แก่กองทุน
(๘)
พิจารณางบดุลและรายงานการรับจ่ายเงินของกองทุน
และรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปีของสำนักงานในส่วนที่เกี่ยวกับการฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร
(๙)
กำกับ ให้คำปรึกษา
และแนะนำแก่คณะกรรมการบริหารและสำนักงานในการดำเนินการตามพระราชบัญญัตินี้
(๑๐)
ให้ความเห็นชอบในการกำหนดภาระผูกพันของกองทุน
(๑๑)
กำหนดมาตรการ ส่งเสริม สนับสนุน องค์กรเกษตรกร
(๑๒)
แต่งตั้ง ถอดถอน คณะกรรมการบริหารและคณะอนุกรรมการ
(๑๓)
ปฏิบัติการอื่นใดตามที่พระราชบัญญัตินี้
หรือกฎหมายอื่นบัญญัติให้เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ
หรือตามที่คณะรัฐมนตรีมอบหมาย
ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้
คณะกรรมการอาจมอบหมายให้คณะกรรมการบริหารหรือเลขาธิการเป็นผู้ปฏิบัติหรือเตรียมข้อเสนอมายังคณะกรรมการเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไปได้
มาตรา
๑๖
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิและผู้แทนเกษตรกรมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละสองปี
กรรมการซึ่งพ้นจากตำแหน่งอาจได้รับแต่งตั้งอีกได้
แต่จะดำรงตำแหน่งเกินสองวาระติดต่อกันไม่ได้
มาตรา
๑๗
นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระตามมาตรา ๑๖
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิและผู้แทนเกษตรกรพ้นจากตำแหน่ง เมื่อ
(๑)
ตาย
(๒)
ลาออก
(๓)
เป็นบุคคลล้มละลาย
(๔)
คณะกรรมการมีมติให้ออกด้วยคะแนนเสียงสามในสี่ของจำนวนกรรมการทั้งหมด
(๕)
เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
(๖)
ได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก
(๗)
มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๑๔
มาตรา
๑๘
ในกรณีที่กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ
คณะรัฐมนตรีอาจแต่งตั้งผู้อื่นเป็นกรรมการแทนได้
และให้ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งแทนอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของผู้ซึ่งตนแทน
ในกรณีที่กรรมการซึ่งเป็นผู้แทนเกษตรกรพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ
ให้รัฐมนตรีแต่งตั้งเกษตรกรในภูมิภาคนั้นเป็นกรรมการแทน
โดยให้ดำเนินการตามมาตรา ๑๓ โดยอนุโลม
มาตรา
๑๙
การประชุมคณะกรรมการต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมด
จึงจะเป็นองค์ประชุม
ถ้าประธานกรรมการไม่มาประชุมหรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้
ให้รองประธานกรรมการทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม
ถ้ารองประธานกรรมการไม่มาประชุมหรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้
ให้กรรมการที่มาประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม
การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก
กรรมการคนหนึ่งให้มีเสียงหนึ่งในการลงคะแนน
ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด
กรรมการผู้ใดมีส่วนได้เสียเป็นส่วนตัวในเรื่องใด
ห้ามมิให้เข้าร่วมพิจารณาและออกเสียงในเรื่องนั้น
หมวด
๓
คณะกรรมการบริหารกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร
---------------
มาตรา
๒๐
ให้มีคณะกรรมการบริหารกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรประกอบด้วย
ประธานกรรมการและกรรมการซึ่งคณะกรรมการแต่งตั้งมีจำนวนรวมกันเจ็ดคน
โดยให้แต่งตั้งจากบุคคลในคณะกรรมการจำนวนสามคนซึ่งในจำนวนนี้จะต้องเป็นผู้แทนเกษตรกรจำนวนสองคน
และผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งมีความรู้ความเชี่ยวชาญมีผลงานและประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องทางสาขาเศรษฐศาสตร์
สาขาการบริหาร การเงินหรือการธนาคาร
และสาขาเกษตรศาสตร์สาขาละหนึ่งคนเป็นกรรมการ
และให้เลขาธิการเป็นกรรมการและเลขานุการ
ให้คณะกรรมการบริหารเลือกกรรมการด้วยกันเป็นประธานกรรมการและรองประธานกรรมการ
ให้นำมาตรา
๑๖ มาตรา ๑๗ มาตรา ๑๘ และมาตรา ๑๙
มาใช้บังคับแก่คณะกรรมการบริหารด้วยโดยอนุโลม
มาตรา
๒๑
คณะกรรมการบริหารมีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้
(๑)
ควบคุมการใช้จ่ายเงินหรือทรัพย์สินของกองทุน ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์นโยบาย
ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ และคำสั่งของคณะกรรมการ
(๒)
เสนอและรายงานต่อคณะกรรมการเกี่ยวกับการดำเนินงานของกองทุน
(๓)
อนุมัติแผนฟื้นฟูและพัฒนาขององค์กรเกษตรกรที่ขอรับการสนับสนุนจากกองทุน
(๔)
อนุมัติโครงการที่มีวงเงินเกินกว่าห้าแสนบาท
(๕)
ออกข้อบังคับว่าด้วยการปฏิบัติงานของเลขาธิการและการมอบอำนาจให้ผู้อื่นปฏิบัติงานแทนเลขาธิการ
(๖)
ออกระเบียบหรือข้อบังคับเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคล
ตลอดจนการกำหนดเงินเดือนหรือเงินอื่น
รวมถึงการสงเคราะห์และสวัสดิการของพนักงานและลูกจ้าง
(๗)
ให้คำปรึกษาและคำแนะนำแก่เลขาธิการในการดำเนินการตามพระราชบัญญัตินี้
(๘)
แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อดำเนินการตามพระราชบัญญัตินี้
(๙)
ปฏิบัติการอื่นใดตามที่พระราชบัญญัตินี้
หรือกฎหมายอื่นบัญญัติให้เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการบริหาร
หรือตามที่คณะกรรมการมอบหมาย
ระเบียบหรือข้อบังคับตาม
(๕) และ (๖)
เมื่อได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการแล้วให้ใช้บังคับได้
การจัดการกองทุนเกี่ยวกับบัญชีจัดการหนี้ของเกษตรกร
ให้เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการจัดการหนี้ของเกษตรกร
มาตรา
๒๒
กรรมการและกรรมการบริหารอาจได้รับเบี้ยประชุม ค่าพาหนะค่าเบี้ยเลี้ยง
ค่าเช่าที่พัก
และค่าใช้จ่ายอย่างอื่นในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้โดยให้จ่ายจากเงินกองทุนตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนดโดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง
หมวด
๔
สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร
---------------
มาตรา
๒๓ ให้สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรมีสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงเทพมหานคร
และอาจตั้งสาขา ณ ที่อื่นใดตามความจำเป็นก็ได้
มาตรา
๒๔
สำนักงานมีอำนาจหน้าที่
ดังต่อไปนี้
(๑)
รับผิดชอบงานธุรการของคณะกรรมการ คณะกรรมการบริหาร
และคณะกรรมการจัดการหนี้ของเกษตรกร และเสนอความเห็น ศึกษาและรวบรวมข้อมูลต่าง
ๆ ที่เกี่ยวกับการดำเนินงานของคณะกรรมการดังกล่าว
(๒)
ประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรได้ทราบถึงนโยบาย ระเบียบ
และหลักเกณฑ์ในการปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
(๓)
ให้การสนับสนุน ปรึกษาหารือ
และแนะนำแก่เกษตรกรหรือองค์กรเกษตรกรเกี่ยวกับการดำเนินการตามแผนหรือโครงการฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรตามความจำเป็น
หรือตามที่เกษตรกร หรือองค์กรเกษตรกรร้องขอ
(๔)
ติดตามและประเมินผลการดำเนินการตามแผนหรือโครงการฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุน
และรายงานผลต่อคณะกรรมการบริหาร แล้วแต่กรณี
(๕)
ดำเนินการเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาหนี้ของเกษตรกรตามพระราชบัญญัตินี้
(๖)
จัดทำงบดุลและรายงานการรับจ่ายเงินกองทุน
และรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปีของสำนักงานเสนอคณะกรรมการ
(๗)
ดำเนินการอื่นใดตามที่คณะกรรมการ คณะกรรมการบริหาร
และคณะกรรมการจัดการหนี้ของเกษตรกรมอบหมาย
มาตรา
๒๕
ให้เลขาธิการเป็นผู้บังคับบัญชาพนักงานและลูกจ้างของสำนักงานและรับผิดชอบการบริหารกิจการของสำนักงานให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกองทุน
และตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และนโยบายที่คณะกรรมการและคณะกรรมการบริหารกำหนด
ให้เลขาธิการมีอำนาจแต่งตั้งพนักงานของสำนักงานเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา
๒๖
ให้คณะกรรมการคัดเลือกบุคคลให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการจากผู้ซึ่งมีคุณสมบัติ
และไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้
(๑)
มีสัญชาติไทย
(๒)
มีอายุไม่เกินหกสิบห้าปีบริบูรณ์
(๓)
มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ มีผลงาน
และประสบการณ์ที่จะปฏิบัติงานให้แก่กองทุนได้
(๔)
ไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๑๔
(๕)
ไม่เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก
เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท
หรือความผิดลหุโทษ
(๖)
ไม่เป็นหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลาย
(๗)
ไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสียในสัญญากองทุนหรือในกิจการที่กระทำให้แก่กองทุนไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อม
มาตรา
๒๗ การดำรงตำแหน่ง
การพ้นจากตำแหน่ง และการกำหนดเงื่อนไขในการทดลองปฏิบัติงาน
การปฏิบัติงานในหน้าที่เลขาธิการ
และการประเมินผลการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามสัญญาจ้างที่คณะกรรมการบริหารกำหนด
โดยให้มีกำหนดระยะเวลาการจ้างคราวละไม่เกินสี่ปี
เมื่อครบกำหนดระยะเวลาตามสัญญาจ้างตามวรรคหนึ่งแล้ว
คณะกรรมการบริหารโดยความเห็นชอบจากคณะกรรมการอาจมีมติให้ทำสัญญาจ้างเลขาธิการให้ปฏิบัติงานต่อไปอีกก็ได้
ให้เลขาธิการได้รับเงินค่าจ้าง
ค่าตอบแทน และเงินอื่น ตามที่คณะกรรมการกำหนด
มาตรา
๒๘
นอกจากพ้นจากตำแหน่งตามกำหนดระยะเวลาการจ้าง
เลขาธิการพ้นจากตำแหน่งเมื่อ
(๑)
ตาย
(๒)
ลาออก
(๓)
ขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๒๖
(๔)
คณะกรรมการมีมติให้เลิกจ้าง
มาตรา
๒๙
ให้เลขาธิการเป็นผู้แทนของกองทุนในกิจการของกองทุนที่เกี่ยวกับบุคคลภายนอก
นิติกรรมที่กระทำโดยฝ่าฝืนข้อบังคับที่คณะกรรมการกำหนด
ย่อมไม่ผูกพันกองทุน เว้นแต่คณะกรรมการจะให้สัตยาบัน
หมวด
๕
การฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร
---------------
มาตรา
๓๐
เกษตรกรที่รวมตัวกันเป็นกลุ่มหรือคณะ เพื่อประกอบเกษตรกรรมร่วมกัน
ไม่ว่าจะเป็นนิติบุคคลหรือไม่ก็ตาม
ถ้าประสงค์จะขึ้นทะเบียนเป็นองค์กรเกษตรกรตามพระราชบัญญัตินี้
ให้ยื่นคำขอต่อสำนักงานหรือสำนักงานสาขาตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด
เกษตรกรจะเป็นสมาชิกองค์กรเกษตรกรในขณะเดียวกันได้เพียงแห่งเดียว
การตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ขอขึ้นทะเบียนองค์กรเกษตรกรและการพิจารณารับขึ้นทะเบียนองค์กรเกษตรกรให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด
มาตรา
๓๑
องค์กรเกษตรกรมีสิทธิขอรับการฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรโดยให้ทำแผนหรือโครงการฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรยื่นต่อสำนักงานหรือสำนักงานสาขาที่เป็นที่ตั้งขององค์กรเกษตรกร
ในกรณีท้องที่ที่ตั้งองค์กรเกษตรกรไม่มีสำนักงานหรือสำนักงานสาขาตั้งอยู่
ให้ยื่นต่อสำนักงานหรือสำนักงานสาขาที่ใกล้เคียง
มาตรา
๓๒
แผนหรือโครงการฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร
อย่างน้อยต้องระบุข้อความดังต่อไปนี้
(๑)
หมายเลขทะเบียนขององค์กรเกษตรกร
(๒)
รายชื่อของเกษตรกรทั้งหมดขององค์กรเกษตรกร
(๓)
เหตุผลที่เสนอแผนหรือโครงการฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร
(๔)
รายละเอียดแห่งสินทรัพย์ หนี้สิน และภาระผูกพันต่าง ๆ
ขององค์กรเกษตรกรที่เป็นนิติบุคคลและเกษตรกรแต่ละคนที่เป็นสมาชิกขององค์กรเกษตรกรในขณะที่ยื่นแผนหรือโครงการฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร
(๕)
รายละเอียดพอสังเขปของโครงการแต่ละโครงการ
(๖)
หลักการ วิธีดำเนินการ และขั้นตอนของการฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร
(๗)
ระยะเวลาในการดำเนินงานตามแผนหรือโครงการฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร
(๘)
รายชื่อของผู้ให้การสนับสนุนแผนหรือโครงการฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรพร้อมรายละเอียดในการให้การสนับสนุน
ถ้ามี
มาตรา
๓๓
ให้คณะกรรมการบริหารมีอำนาจในการพิจารณาอนุมัติแผนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร
ในกรณีที่แผนนั้นมีโครงการที่อยู่ในอำนาจพิจารณาของคณะกรรมการบริหารด้วย
ให้พิจารณาโครงการนั้นไปพร้อมกัน
และให้แจ้งผลการพิจารณาให้องค์กรเกษตรกรทราบภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแผน
ในกรณีที่ไม่อนุมัติตามแผนให้แจ้งเหตุผลโดยย่อ
และให้องค์กรเกษตรกรมีสิทธิอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำวินิจฉัย
ให้คณะกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์ให้เสร็จสิ้นภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับอุทธรณ์
คำวินิจฉัยของคณะกรรมการให้เป็นที่สุด
มาตรา
๓๔
ให้เลขาธิการมีอำนาจพิจารณาอนุมัติโครงการฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรที่มีวงเงินไม่เกินห้าแสนบาท
ให้คณะกรรมการบริหารมีอำนาจพิจารณาอนุมัติโครงการฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรที่มีวงเงินเกินกว่าห้าแสนบาท
การพิจารณาตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสองให้ดำเนินการตามมาตรา
๓๓ โดยอนุโลม คำวินิจฉัยของเลขาธิการตามวรรคหนึ่งให้องค์กรเกษตรกรมีสิทธิอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการบริหารได้ภายในสามสิบวันนับแต่ที่ได้รับแจ้งคำวินิจฉัย
คำวินิจฉัยของคณะกรรมการบริหารให้เป็นที่สุด
มาตรา
๓๕ คณะกรรมการบริหาร
และเลขาธิการ อาจเห็นชอบแผนหรือโครงการฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร
โดยกำหนดเงื่อนไขอย่างหนึ่งอย่างใดให้ปฏิบัติด้วยก็ได้
มาตรา
๓๖
ให้องค์กรเกษตรกรรายงานผลการดำเนินการตามแผนหรือโครงการฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรต่อสำนักงานตามเงื่อนไขและระยะเวลาตามระเบียบที่คณะกรรมการบริหารกำหนด
ให้สำนักงานตรวจสอบและประเมินผลการดำเนินการตามแผนหรือโครงการฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร
ถ้าผลการพิจารณาปรากฏว่าการดำเนินการไม่เป็นไปตามแผนหรือโครงการที่ได้รับอนุมัติให้แจ้งองค์กรเกษตรกรทำการแก้ไขปรับปรุงภายในระยะเวลาที่กำหนด
และในกรณีที่เห็นสมควรอาจมีคำสั่งให้พักการจ่ายเงินตามแผนหรือโครงการในระหว่างนั้นก็ได้
และให้รายงานคณะกรรมการบริหารตามระเบียบที่คณะกรรมการบริหารกำหนด
ในกรณีที่ปรากฏแน่ชัดว่าองค์กรเกษตรกรไม่อาจดำเนินการให้เป็นไปตามแผนหรือโครงการนั้นต่อไปได้
ให้เลขาธิการเสนอคณะกรรมการบริหารพิจารณาสั่งยกเลิกแผนหรือโครงการนั้น
ให้องค์กรเกษตรกรมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งของคณะกรรมการบริหารตามวรรคสาม
ต่อคณะกรรมการได้ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง
มาตรา
๓๗
ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้กรรมการ กรรมการบริหาร
เลขาธิการ และพนักงานเจ้าหน้าที่
เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา
หมวด
๕/๑
การแก้ไขปัญหาหนี้ของเกษตรกร
------------
ส่วนที่
๑
บททั่วไป
-----------
มาตรา
๓๗/๑ ในหมวดนี้ เว้นแต่ข้อความจะแสดงให้เห็นเป็นอย่างอื่น
หนี้
หมายความว่า
หนี้อันเนื่องมาจากการประกอบเกษตรกรรมของเกษตรกรซึ่งเป็นสมาชิกขององค์กรเกษตรกร
หนี้ในระบบ
หมายความว่า
(๑)
หนี้ที่เกิดขึ้นจากโครงการส่งเสริมของรัฐ
(๒)
หนี้ที่เกิดขึ้นจากการกู้ยืมจากสถาบันการเงิน
(๓)
หนี้ที่เกิดขึ้นจากการกู้ยืมจากสถาบันเกษตรกร
โครงการส่งเสริมของรัฐ
หมายความว่า โครงการของกระทรวง ทบวง กรม ราชการส่วนภูมิภาค
หรือรัฐวิสาหกิจ
สถาบันการเงิน
หมายความว่า
(๑)
ธนาคารพาณิชย์ตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์
(๒)
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรตามกฎหมายว่าด้วยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
(๓)
นิติบุคคลตามที่คณะกรรมการกำหนด
สถาบันเกษตรกร
หมายความว่า นิติบุคคลตามกฎหมายว่าด้วยสหกรณ์
ส่วนที่
๒
คณะกรรมการจัดการหนี้ของเกษตรกร
------------
มาตรา
๓๗/๒ ให้มีคณะกรรมการจัดการหนี้ของเกษตรกรประกอบด้วย
ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ
อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ผู้แทนกระทรวงการคลัง
ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ผู้แทนสมาคมธนาคารไทย
กรรมการซึ่งคณะกรรมการแต่งตั้งจากกรรมการซึ่งเป็นผู้แทนเกษตรกรในคณะกรรมการเก้าคน
และผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งคณะกรรมการแต่งตั้งจากบุคคลซึ่งมีความรู้ความเชี่ยวชาญมีผลงานและประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องทางสาขาเศรษฐศาสตร์
สาขาการบริหาร การเงินหรือการธนาคาร และสาขาเกษตรศาสตร์
สาขาละหนึ่งคนเป็นกรรมการ
ให้คณะกรรมการจัดการหนี้ของเกษตรกรเลือกกรรมการด้วยกันเองเป็นประธานกรรมการและรองประธานกรรมการ
ให้เลขาธิการเป็นกรรมการและเลขานุการ
และผู้อำนวยการสำนักจัดการหนี้ของเกษตรกรเป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
ให้นำมาตรา
๑๖ มาตรา ๑๗ มาตรา ๑๘ และมาตรา ๑๙
มาใช้บังคับแก่คณะกรรมการจัดการหนี้ของเกษตรกรด้วยโดยอนุโลม
มาตรา
๓๗/๓ คณะกรรมการจัดการหนี้ของเกษตรกรมีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้
(๑)
ดำเนินการตามแผนแก้ไขปัญหาหนี้ของเกษตรกรตามที่คณะกรรมการให้ความเห็นชอบ
(๒)
ควบคุมการใช้จ่ายเงินหรือทรัพย์สินของกองทุนในบัญชีจัดการหนี้ของเกษตรกร
ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ นโยบาย ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ
และคำสั่งของคณะกรรมการ
(๓)
เสนอและรายงานต่อคณะกรรมการเกี่ยวกับการดำเนินงานของกองทุนในบัญชีจัดการหนี้ของเกษตรกร
(๔)
กำหนดหลักเกณฑ์การจัดการหนี้ของเกษตรกร
(๕)
ให้คำปรึกษาและคำแนะนำแก่เลขาธิการในการดำเนินการตามพระราชบัญญัตินี้
(๖)
แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อดำเนินการตามพระราชบัญญัตินี้
(๗)
ปฏิบัติการอื่นใดตามที่พระราชบัญญัตินี้
หรือกฎหมายอื่นบัญญัติให้เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการจัดการหนี้ของเกษตรกร
หรือตามที่คณะกรรมการมอบหมาย
มาตรา
๓๗/๔ กรรมการจัดการหนี้ของเกษตรกรอาจได้รับเบี้ยประชุม ค่าพาหนะ
ค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าเช่าที่พัก
และค่าใช้จ่ายอย่างอื่นในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้
ตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนดโดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง
โดยให้จ่ายจากเงินกองทุนในบัญชีจัดการหนี้ของเกษตรกร
ส่วนที่
๓
การจัดการหนี้ของเกษตรกร
----------
มาตรา
๓๗/๕ ให้จัดตั้งสำนักขึ้นในสำนักงาน เรียกว่า "สำนักจัดการหนี้ของเกษตรกร"
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้ของเกษตรกรตามที่คณะกรรมการ
และคณะกรรมการจัดการหนี้ของเกษตรกรกำหนด
ให้มีผู้อำนวยการสำนักจัดการหนี้ของเกษตรกรเป็นผู้ควบคุมดูแลสำนัก
และอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของเลขาธิการ
สำหรับโครงสร้างและอำนาจหน้าที่ของสำนักให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการจัดการหนี้ของเกษตรกรกำหนด
มาตรา
๓๗/๖ เกษตรกรซึ่งเป็นหนี้ในระบบ และประสงค์ขอรับการสนับสนุนจากกองทุน
ให้ยื่นคำขอขึ้นทะเบียนเกษตรกรต่อสำนักจัดการหนี้ของเกษตรกรตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการจัดการหนี้ของเกษตรกรประกาศกำหนด
เมื่อได้รับคำขอขึ้นทะเบียนตามวรรคหนึ่ง
ให้สำนักจัดการหนี้ของเกษตรกรทำการตรวจสอบหลักฐานถึงความมีอยู่จริงของหนี้และหลักประกันที่ถูกต้องตามกฎหมาย
รวมทั้งจำแนกแยกประเภทหนี้ของเกษตรกรตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการจัดการหนี้ของเกษตรกรกำหนด
มาตรา
๓๗/๗
เกษตรกรซึ่งเป็นหนี้ในระบบตามโครงการส่งเสริมของรัฐโครงการใดที่คณะกรรมการเห็นว่าไม่ประสบความสำเร็จ
โดยมิใช่ความผิดของเกษตรกร
ให้พิจารณาช่วยเหลือโดยให้กองทุนรับภาระชำระหนี้นั้นให้แก่เจ้าหนี้ของเกษตรกรทั้งหมดหรือบางส่วนก็ได้
โดยจะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อน
การชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ของเกษตรกรตามวรรคหนึ่ง
ให้จ่ายเป็นเงินสด พันธบัตรรัฐบาล หรือตั๋วเงินตามหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด
ให้จัดสรรงบประมาณแผ่นดินเข้าสมทบกองทุนสำหรับการดำเนินการตามวรรคหนึ่ง
มาตรา
๓๗/๘ เกษตรกรตามความในมาตรา ๓๗/๗
ที่ได้รับการยกเลิกหนี้ทั้งหมดหรือบางส่วนจากคณะกรรมการ
ต้องเข้ากระบวนการฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร
ตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด
มาตรา
๓๗/๙ เกษตรกรซึ่งเป็นหนี้ในระบบที่มิใช่โครงการส่งเสริมของรัฐ
เมื่อคณะกรรมการจัดการหนี้ของเกษตรกรอนุมัติโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการให้มีอำนาจหน้าที่จัดการหนี้ของเกษตรกรรายใดแล้ว
ให้คณะกรรมการจัดการหนี้ของเกษตรกรมีอำนาจชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ของเกษตรกรทั้งหมดหรือบางส่วนได้
โดยการจ่ายเป็นเงินสด พันธบัตรรัฐบาล หรือตั๋วเงิน ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด
เมื่อกองทุนรับภาระชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ของเกษตรกรตามวรรคหนึ่งแล้ว
ให้ทรัพย์สินของเกษตรกรที่ใช้เป็นหลักประกันการชำระหนี้ตกเป็นของกองทุน
และเกษตรกรจะได้รับทรัพย์สินที่ใช้เป็นหลักประกันคืนไปจากกองทุนโดยการเช่าซื้อ
หรือซื้อ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด
ให้คณะกรรมการมีอำนาจผ่อนผันการชำระหนี้
ลดหนี้ ปลดหนี้ ให้แก่เกษตรกรได้โดยการตราเป็นพระราชกฤษฎีกา
และรัฐพึงจัดสรรงบประมาณอุดหนุนในส่วนที่กองทุนต้องรับภาระค่าใช้จ่ายนี้
การดำเนินการเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ของเกษตรกรที่ได้รับการสนับสนุนตามวรรคหนึ่ง
ให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด
และให้เกษตรกรผู้นั้นเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด
มาตรา
๓๗/๑๐
กองทุนและเกษตรกรที่เกี่ยวข้องในกิจการใดที่กฎหมายกำหนดให้จดทะเบียนในอสังหาริมทรัพย์
หรือทรัพยสิทธิอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ตามพระราชบัญญัตินี้
ให้กองทุนและเกษตรกรได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียม
และภาษีอากรในการจดทะเบียนนั้น
ไม่ว่าจะเป็นในฐานะผู้โอนหรือผู้รับโอนก็ตาม
การยกเว้นภาษีอากรตามวรรคหนึ่ง
ให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกาตามประมวลรัษฎากร โดยจะกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขไว้ด้วยก็ได้
บทเฉพาะกาล
--------
มาตรา
๓๘ ให้ดำเนินการตั้งคณะกรรมการ
คณะกรรมการบริหารและเลขาธิการตามพระราชบัญญัตินี้
ภายในกำหนดหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
มาตรา
๓๙ ภายใต้บังคับมาตรา ๓๘
ในระหว่างที่ยังไม่มีการดำเนินการแต่งตั้งกรรมการ ผู้แทนเกษตรกรตามมาตรา ๑๓
วรรคหนึ่ง
ให้รัฐมนตรีแต่งตั้งบุคคลซึ่งเป็นเกษตรกรจำนวนยี่สิบคนให้เป็นกรรมการผู้แทนเกษตรกรไปพลางก่อน
ให้อธิบดีกรมบัญชีกลาง
อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร
เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน
ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิภาคราชการ
และให้รัฐมนตรีแต่งตั้งผู้ซึ่งไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๑๔
จำนวนห้าคนเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชนเพื่อดำเนินการตามพระราชบัญญัตินี้ไปพลางก่อน
ให้กรรมการตามวรรคหนึ่งและวรรคสองมีสิทธิได้รับการแต่งตั้งจากคณะกรรมการให้ดำรงตำแหน่งคณะกรรมการบริหาร
เพื่อดำเนินการตามพระราชบัญญัตินี้ไปพลางก่อน
มาตรา
๔๐
ในวาระเริ่มแรกให้เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
เป็นเลขาธิการเพื่อดำเนินการตามพระราชบัญญัตินี้ไปพลางก่อน
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
ชวน หลีกภัย
นายกรัฐมนตรี
หมายเหตุ:-
เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ
โดยที่การพัฒนาการเกษตรที่ผ่านมาเป็นการกำหนดนโยบายโดยทางราชการ
ซึ่งมิได้เปิดโอกาสให้เกษตรกรได้มีโอกาสแสดงความคิดเห็นและมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายเพื่อพัฒนาสภาพความเป็นอยู่และการประกอบเกษตรกรรมของตนเอง
จึงทำให้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ตรงตามความต้องการของเกษตรกรอย่างแท้จริง
ด้วยเหตุดังกล่าวจึงจำเป็นจะต้องจัดตั้งองค์กรที่รับผิดชอบในการฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรอย่างต่อเนื่องและเป็นอิสระ
โดยการประสานความร่วมมือระหว่างข้าราชการในระดับกำหนดนโยบาย ผู้ปฏิบัติการ
นักวิชาการ และเกษตรกรเป็นผู้กำหนดนโยบายในการบริหารกองทุนฟื้นฟูเกษตรกร
และเปิดโอกาสให้เกษตรกรที่ขาดปัจจัยในการประกอบอาชีพรวมตัวกันเป็นองค์กรเกษตรกร
เพื่อทำแผนและโครงการในการขอรับการสนับสนุนจากกองทุน
ซึ่งจะมีการจัดระบบการติดตามและประเมินผลการดำเนินการเพื่อให้การฟื้นฟูและพัฒนาสภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของเกษตรกรสัมฤทธิ์ผลตามความมุ่งหมายของการจัดให้มีกองทุน
จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
สุนันทา/แก้ไข
๐๓/๑๒/๔๔
A+B
(C)
พระราชบัญญัติกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๔
หมายเหตุ
:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ
เนื่องจากพระราชบัญญัติกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร พ.ศ. ๒๕๔๒
ไม่มีบทบัญญัติเกี่ยวกับวัตถุประสงค์และแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้ของเกษตรกรอันเนื่องจากโครงการส่งเสริมของรัฐที่ไม่ประสบผลสำเร็จไว้อย่างชัดเจนเกษตรกรไม่สามารถได้รับการสนับสนุนทางการเงินเพื่อแก้ปัญหาหนี้เดิมของเกษตรกรที่เป็นหนี้ในระบบเป็นเหตุให้เกษตรกรเหล่านั้นไม่มีโอกาสฟื้นฟูอาชีพและดำรงชีพในด้านเกษตรกรรมได้อย่างมั่นคง
จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
พรพิมล/แก้ไข
๑๑/๓/๒๕๔๕
A+B
(C)
พัชรินทร์/เนติมา จัดทำ
๕
มีนาคม ๒๕๔๖