สาระสำคัญของ พ.ร.บ. กองทุนฟื้นฟูฯ

• จัดตั้งกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรเป็นนิติบุคคล
• ตั้งคณะกรรมการกองทุน คณะกรรมการบริหารและคณะกรรมการจัดการหนี้สินของเกษตรกร
• ให้มีที่ตั้งสำนักงานกองทุน สำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงเทพฯและมีสำนักงานสาขาตามที่คณะกรรมการบริหารเห็นสมควร  ปัจจุบันมี 30 สาขาทั่วประเทศ
• ให้มีคณะกรรมการจำนวนหนึ่งมาจากการเลือกตั้งผู้แทนเกษตรกร
• ให้มีการขึ้นทะเบียนองค์กรเกษตรกรเป็นสมาชิกกองทุนจึงสามารถขอรับการฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรได้โดยจัดทำแผนหรือโครงการ
• ให้มีการจัดการหนี้ของเกษตรกร

วัตถุประสงค์ที่สำคัญ

• การส่งเสริมสนับสนุนและพัฒนาในเรื่อง
  1. การฟื้นฟูและพัฒนาอาชีพเกษตรกรรมของเกษตรกร
  2. การพัฒนาการรวมกลุ่มของเกษตรกร
  3. การพัฒนาความรู้ในด้านเกษตรกรรมหรือกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับเกษตรกรรม
• โดยมีทิศทางที่สำคัญไปสู่
  1.การพัฒนาคุณภาพชีวิตและการแก้ไขปัญหาของเกษตรกร
  2.ความเข้มแข็งขององค์กรเกษตรกรในการพึ่งพาตนเองและเกื้อกูลซึ่งกันและกัน

เกษตรกรจะเข้าเป็นสมาชิกของกองทุนได้อยางไร

1. เกษตรกรรวมตัวกันเป็นกลุ่มหรือองค์กร จะเป็นนิติบุคคลหรือไม่ก็ได้ หากมิใช่นิติบุคคลต้องมีจำนวนตั้งแต่ 50 คนขึ้นไป
2. รับเอกสารการขึ้นทะเบียนได้ที่ สำนักงานใหญ่ หรือสำนักงานสาขาจังหวัด
3. ให้ผู้แทนกรรมการกลุ่มหรือองค์กรไม่น้อยกว่า 3 คนนำเอกสารและหลักฐานที่กำหนดไปยื่นขอขึ้นทะเบียนได้ตามกำหนดที่คณะกรรมการประกาศ ณ สำนักงานใหญ่ หรือสำนักงานสาขาจังหวัด

คุณสมบัติของเกษตรกรที่จะขอเป็นสมาชิกองค์กร กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร

1. ท่านต้องเป็น “เกษตรกร” ตาม พ.ร.บ.กองทุนฟื้นฟูฯดังนี้
   เกษตรกร หมายถึง บุคคลธรรมดาซึ่งประกอบอาชีพ เกษตรกรรม เป็นหลัก
   โดย เกษตรกรรม หมายความว่า การเพาะปลูก การเลี้ยงสัตว์ การจับสัตว์น้ำ
   การใช้และบำรุงรักษาทรัพยากรจากดิน น้ำ และป่าไม้อย่างยั่งยืน และให้หมายความรวมถึงการสร้างมูลค่าเพิ่ม การแปรรูป การจำหน่าย ซึ่งเป็นกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการเพาะปลูก การเลี้ยงสัตว์ การจับสัตว์น้ำการใช้และบำรุงรักษาทรัพยากรจากดิน น้ำ และป่าไม้อย่างยั่งยืน
2. เกษตรกรจะเป็นสมาชิกองค์กรเกษตรกรในขณะเดียวกันได้เพียงแห่งเดียว
3. เกษตรกรจะต้องเป็นผู้บรรลุนิติภาวะ

ประโยชน์ ที่เกษตรกรจะได้รับจากกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร

1. ได้รับการบริการทางด้านสินเชื่อในอัตราดอกเบี้ยต่ำ
2. มีสิทธิเลือกผู้แทนเกษตรกรเข้าไปบริหารกองทุนฯ
3. มีโอกาสเสนอความคิดเห็นและมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบาย
4. รัฐสามารถจัดสรรงบประมาณช่วยเหลือเกษตรกรได้อย่างมีประสิทธิภาพไม่ซ้ำซ้อนอย่างทั่วถึง
5. องค์กรเกษตรกรจะมีความเข้มแข็ง
6. มีระบบส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินงานขององค์กรเกษตรกร ที่สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการปรับโครงสร้างใหม่ โดยได้รับบริการจากศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรระดับอำเภอ

การขอรับการฟื้นฟูและพัฒนา

องค์กรเกษตรกรที่ได้รับการขึ้นทะเบียนแล้วทำแผนหรือโครงการเสนอต่อสำนักงานกองทุน
การพิจารณาแผนหรือโครงการเป็นอำนาจของเลขาธิการกองทุนและคณะกรรมการบริหาร หรืออาจมอบอำนาจให้คณะอนุกรรมการจังหวัด
กองทุนจะจัดสรรเงินลงแต่ละจังหวัดตามสัดส่วนจำนวนเกษตรกร หนี้สิน พื้นที่เกษตรและรายได้เฉลี่ยของเกษตรกร