สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร
สาขาจังหวัดบุรีรัมย์
การตรวจสอบการขึ้นทะเบียน
ความเป็นมา
สรุปสาระสำคัญ
หลักการของกองทุน
แนวทางการดำเนินงาน
โครงสร้างอำนาจและหน้าที่
แนวทางการฟื้นฟูและพัฒนา
ขั้นตอนการฟื้นฟู
การตรวจสอบการขึ้นทะเบียน
แผนและโครงการ
แบบนำเสนอแผน
การจัดการหนี้สินของเกษตรกร
ขั้นตอนการแก้ไขปัญหาหนี้สิน
กระบวนการตรวจสอบหนี้สิน
รายชื่อคณะกรรมการ
Home



การตรวจสอบการขึ้นทะเบียนองค์กรเกษตรกร
และหลักเกณฑ์การพิจารณาอนุมัติแผนและโครงการฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร


การตรวจสอบการขึ้นทะเบียนองค์กรเกษตรกร

1.การตรวจสอบคุณสมบัติ

1)เกษตรกรต้องเป็น “ เกษตรกร” ตามนัยแห่ง พ.ร.บ. กองทุนฯ พ.ศ. 2542 คือ เกษตรกร หมายถึง บุคคลธรรมดาประกอบอาชีพ เกษตรกรรม เป็นหลัก ตามระเบียบที่คณะกรรมการคณะกรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรและพัฒนาเกษตรกร พ.ศ. 2543 ว่าด้วยเกษตรกร โดย เกษตรกร หมายความว่า การเพาะปลูก การเลี้ยงสัตว์ การจับสัตว์น้ำ การใช้และบำรุงรักษาทรัพยากรที่ดิน น้ำ และป่าไม้อย่างยั่งยืน และให้หมายความรวมถึงการสร้างมูลค่าเพิ่ม การแปรรูป การจำหน่าย ซึ่งเป็นกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการเพาะปลูกการเลียงสัตว์ การจับสัตว์น้ำ การใช้และบำรุงรักษาทรัพยากรจากที่ดินน้ำ และป่าไม้อย่างยั่งยืน และการอื่นตามที่รัฐมนตรีมีประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา
2.เกษตรกร จะต้องรวมตัวกันเป้นกลุ่มหรือองค์กร โดยเป็นนิติบุคคลหรือไม่ก็ได้ เพื่อวัตถุประสงค์ในการประกอบเกษตรกรรมร่วมกัน
3.กลุ่มหรือคณะของเกษตรกรที่มารวมกันเป็นนิติบุคคล เช่น กลุ่มเกษตรกร สหกรณ์การเกษตร สหกรณ์ทุกประเภท มูลนิธิ และสมาคมที่เกี่ยวข้องกับการเกษตร
4)กลุ่มหรือ คณะของเกษตรกรที่ทำเกษตรกรรมร่วมกัน และไม่เป็นนิติบุคคล ที่มีรูปแบบเป็นกลุ่ม ชมรม เครือข่าย องค์กรการเงิน กลุ่มออมทรัพย์ ฯลฯ ที่มีสมาชิกไม่น้อยกว่า 50 คน
5)เกษตรกรจะเป็นสมาชิกองค์กรในขณะเดียวกันได้เพียงแห่งเดียว
6)กลุ่มหรือคณะของเกษตรกรที่ร่วมกันเป็นองค์กร ต้องมาขอขึ้นทะเบียนองค์กรเกษตรกรกับทางสำนักงานกองทุน ฯ จามวัน เวลา และสถานที่ ๆ คณะกรรมการบริหารกำหนด (มีลายมือชื่อคณะกรรมการองค์กรไม่น้อยกว่า 3 คน เซ็นในแบบทุกแบบที่กองทุนกำหนด)
7)คุณสมบัติของเกษตรกร เป็นไปตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร พ.ศ. 2543 ว่าด้วยเกษตรกร
8)เกษตรกรแต่ละคนในครัวเรือนเดียวกันสามารถเลือกจดทะเบียนเป็นสมาชิกขององค์กรเกษตรกรต่างกันได้ ทั้งนี้ต้องไม่ขัดกับระเบียบหรือกฎหมายว่าด้วยคุณสมบัติของการเป็นสมาชิกขององค์กรนั้น ๆ
9)กรณีเกษตรกร เป็นสมาชิกหลายกลุ่มหรือองค์กร ให้เลือกแจ้งขึ้นทะเบียนกองทุนในองค์กรหนึ่งเพียงองค์กรเดียว

2.เอกสารการขึ้นทะเบียนองค์กรเกษตรกรที่ต้องเตรียม

เอกสารที่ต้องตรวจสอบเป็นไปตามข้อ 10 ของระเบียบคณะกรรมการ ฯ ว่าด้วยการรับขึ้นทะเบียนและเพิกถอนทะเบียนองค์กรเกษตรกร พ.ศ. 2524

(1)ในกรณีองค์กร เป็นนิติบุคคล

1.สำเนาทะเบียนจัดตั้งกลุ่มเกษตรกร สหกรณ์ สำเนาอนุญาตให้จัดตั้ง สำเนาแสดงการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล
2.สำเนาเอกสารแสดงวัตถุประสงค์ ระเบียบ ข้อบังคับขององค์กร
3.สำเนาบัญชีรายชื่อคณะกรรมการดำเนินการปัจจุบัน (กฟก 2)
4.ทะเบียนสมาชิก พร้อมลายชื่อของสมาชิกทุกคน (กฟก 3)
5.แบบ กฟก 1

(2)ในกรณี ไม่เป็นนิติบุคคล

1.สำเนาเอกสารแสดงประวัติโดยย่อขององค์กร (ข้อ 8 ในแบบ กฟก 1 ) และรายชื่อกรรมการบริหารขององค์กรปัจจุบัน (กฟก 2)
2.สำเนาแสดงวัตถุประสงค์ ระเบียบ ข้อบังคับ ( ข้อ 9 ในแบบ กฟก 1 )
3.สำเนาเอกสารแสดงกิจการที่ทำร่วมกันที่ผ่านมา (ข้อ 7 ในแบบ กฟก 1)
4.ทะเบียนสมาชิก พร้อมลายมือชื่อของสมาชิกทุกคน (กฟก 3)

3. การพิจารณาอนุมัติองค์กรเกษตรกร

เมื่อสำนักงานกองทุนจังหวัดตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร และตรวจสอบความซ้ำซ้อนของสมาชิกเกษตรกรผู้ยื่นขอขึ้นทะเบียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะนำเสนอคณะอนุกรรมการจังหวัดเพื่อพิจารณาอนุมัติรับขึ้นทะเบียน โดยสำนักงานจะประกาศผลการพิจารณาอนุมัติองค์กรเกษตรและจะแจ้งผลการรับขึ้นทะเบียน (แบบ กฟก 4) ให้องค์กรเกษตรกรทราบและจะออกหนังสือรับรองการขึ้นทะเบียน (แบบ กฟก 5 ) ให้แก่องค์กรเกษตรกรนั้น ๆ เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการยื่นเสนอแผนและโครงการเพื่อขอรับการสนับสนุนต่อไป

ทั้งนี้ การอนุมัติรับขึ้นทะเบียนไม่ถือเป็นข้อผูกพันกับการพิจารณาสนับสนุนโครงการ หลังจากคณะอนุกรรมการจังหวัดพิจารณาอนุมัติ แล้วให้สรุปรายงานให้สำนักงานใหญ่นำเข้าประชุมคณะกรรมการบริหารฯ เพื่อทราบต่อไป

ในกรณีที่องค์กรเกษตรกรไม่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติและความซ้ำซ้อนให้ดำเนินการดังต่อไปนี้

1.กรณีที่องค์กรเกษตรกรมีรายชื่อซ้ำซ้อนกันให้พนักงานแจ้งให้องค์กรเกษตรกรนั้น ๆ ทราบเพื่อ ดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้องโดยตรวจสอบความสมัครใจของสมาชิกองค์กรเกษตรกรว่าจะเลือกสังกัดองค์กรใดองค์กรหนึ่งเพียงแห่งเดียว โดยให้ยื่นแจ้งการเปลี่ยนแปลงข้อมูลขององค์กรเกษตรกร (แบบ กฟก 6 ) ให้สำนักงานกองทุนจังหวัดทราบเพื่อนำเสนอคณะอนุกรรมการจังหวัดพิจารณารับรอง
2.กรณีที่องค์กรเกษตรกรมสมาชิกที่ซ้ำซ้อน เมื่อดำเนินการตัดรายชื่อซ้ำซ้อนออกแล้วคงเหลือจำนวนสมาชิกน้อยกว่า 50 คน และเป็นองค์กรไม่เป็นนิติบุคคล ให้สำนักงานกองทุนจังหวัดแจ้งการไม่รับขึ้นทะเบียนองค์กรเกษตรกรนั้น ให้องค์กรทราบต่อไป
3.ส่วนกรณีองค์กรนิติบุคคล ให้เป็นไปตามระเบียบที่กำหนด

4. การอุทธรณ์

1)การไม่รับการขึ้นทะเบียนองค์กรเกษตรกร ให้ผู้แทนองค์กรเกษตรกรอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการบริหารโดยผ่านสำนักงานสาขา และคณะกรรมการบริหารจะทำการวินิจฉัยภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับเรื่องอุทธรณ์ ทั้งนี้คำวินิจฉัยให้ถือเป็นที่สุด
2)กาเพิกถอนทะเบียนองค์กรเกษตรกร สำนักงานสาขาจะแจ้งให้องค์กรเกษตรกรทราบภายใน 30 วัน และองค์กรเกษตรกรสามารถยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการบริหารกองทุน ฯ เพื่อพิจารณาภายใน 30 วัน คณะกรรมการบริหาร ฯ จะทำการวินิจฉัยภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่รับแจ้งเพิกถอนทั้งนี้คำวินิจฉัยให้ถือเป็นที่สุด

หมายเหตุ แบบ กฟก. หมายถึง แบบฟอร์มที่สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรกำหนดขั้นมี 7 ชนิดคือ

กฟก 1 แบบการขอขึ้นทะเบียนองค์กรเกษตรกร
กฟก 2 บัญชีรายชื่อคณะกรรมการดำเนินการปัจจุบัน
กฟก 3 ทะเบียนสมาชิกองค์กรเกษตรกรผู้สมัครขึ้นทะเบียนองค์กร ฯ
กฟก 4 แบบฟอร์มแจ้งผลการรับขึ้นทะเบียนต่อสำนักงาน
กฟก 5 หนังสือรับรองการขึ้นทะเบียน
กฟก 6 แบบแจ้งการเปลี่ยนแปลงข้อมูลองค์กรเกษตรกร
กฟก 7 แบบคำอุทธรณ์การขอขึ้น / เพิกถอนองค์กรเกษตรกร

อนุมัติหลักเกณฑ์การพิจารณาแผนและโครงการฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร

1.การอนุมัติแผนโครงการ

คณะอนุกรรมการจึงหวัดเป็นผู้พิจารณาอนุมัติแผนงานหรือโครงการฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรที่ยื่นต่อสำนักงานสาขาตามอำนาจหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการบริหารกองทุนตามกรอบของระเบียบว่าด้วย “ การพิจารณาแผนและโครงการ การจ่ายเงิน การใช้คืนเงินกองทุน และการติดตามประเมินผลการดำเนินงานตามแผนและครงการฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร “ และกรอบการจัดสรรงบประมาณกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร

2.หลักเกณฑ์การอนุมัติ

การพิจารณาหลักเกณฑ์การพิจารณาอนุมัติแผนงานหรือโครงการ อยู่กับสภาพความเป็นจริงของแผนงานหรือโครงการที่องค์กรเกษตรกรในจังหวัดนั้นเสนอเข้ามาสู่กระบวนการพิจารณาและคณะอนุกรรมการจังหวัดต้องคำนึงถึงยุทธศาสตร์การฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรของจังหวัดที่สัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกับยุทธศาสตร์ของภาคและของประเทศโดยภาพรวม

3.การจัดสรรเงินสนับสนุน

กรอบการจัดสรรและอนุมัติเงินสนับสนุนแผนงานหรือโครงการขององค์กรเกษตรกรแบ่งเป็น 2 ประเภทคือ

1)เงินอุดหนุน ใช้ในการพัฒนาระบบสนับสนุนและระบบบริการแก่องค์กรเกษตรกร และเครือข่ายขององค์กรเกษตรกร
2)เงินกู้ยืม ใช้สนับสนุนกิจกรรมของเกษตรกร และขององค์กรเกษตรกรที่เสนอขอกู้ยืมตามแผนหรือโครงการที่องค์กรเกษตรกรเสนอขอรับการสนับสนุนโดยคิดอึตราค่าบริการร้อยละ 1 ต่อปี เพื่อจัดเป็น กองทุนพัฒนาสถาบันเกษตรกรของจังหวัด เพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาองค์กรของจังหวัด แต่อัตราค่าบริการของเงินกู้ยืมที่องค์กรเกษตรกรนำไปให้เกษตรกรสมาชิกกู้ยืมให้คิดในอัตราไม่เกินร้อยละ 5 ต่อปี ซึ่งส่วนต่างของอัตราค่าบริการนี้ ให้องค์กรเกษตรกรจังหวัด “ กองทุนพัฒนาศักยภาพองค์กรเกษตรกร” เพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาศักยภาพขององค์กรเกษตรกร แต่สำหรับองค์กรเกษตรกรที่มีสมาชิกนับถือศาสนาอิสลาม ให้คิดค่าบริการจากผลกำไรจากกิจกรรมที่ได้รับการสนับสนุนในอัตรา 20 % ต่อปี ของผลกำไรที่เกิดขึ้นเพื่อนำไปจัดตั้งกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรของจังหวัด และจัดตั้ง กองทุนศักยภาพขององค์กรเกษตรกร ในสัดส่วนที่เท่ากัน

4.วงเงินแต่ละจังหวัด

กรอบวงเงินจัดสรรของแต่ละจังหวัด คำนวณและจัดสรรโดยใช้ตัวดัชนี 4 ตัว คือ จำนวนเกษตรกร (30%) หนี้สินค้างชำระของเกษตรกร (30%) พื้นที่ถือครองทางการเกษตรเฉลี่ยต่อครัวเรือน (20%) และรายได้ภาคเกษตรกรต่อครัวเรือนต่อปี (20%) เป็นกรอบการจัดสรรวงเงินให้แต่ละจังหวัดตามวงเงินของกองทุนที่มีอยู่ในแต่ละปี หากจังหวัดใดมีแผนหรือโครงการที่ดีมีคุณภาพผ่านหลักเกณฑ์การพิจารณาอนุมัติของคณะอนุกรรมการจังหวัด แต่มีวงเงินเกินกว่าวงเงินจัดสรรของจังหวัด ให้คณะกรรมการบริหารมีอำนาจในการเฉลี่ยวงเงินที่มีเหลืออยู่ของจังหวัดอื่นในภาคเดียวกันและต่างภาคกันพร้อมทั้งแสวงหาเงินทุนมาเพิ่มให้พอเพียงเป็นประจำทุกปี โดยกระบวนการปรึกษาหารือกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย

5.หลักการและแนวทางในการพิจารณาอนุมัติโครงการตามที่กฎหมายกำหนดมี 4 แนวทาง คือ

1)อนุมัติตามแผนหรือโครงการที่องค์เกษตรกรขอรับสนับสนุน
2)อนุมัติตามแผนหรือโครงการโดยกำหนดเงื่อนไขอย่างหนึ่งอย่างใดให้ปฏิบัติ
3) อนุมัติในหลักการโดยกำหนดเงื่อนไขให้ดำเนินการตามที่เห็นสมควร แล้วจึงนำเสนอแผน หรือโครงการเพื่อพิจารณาอนุมัติอีกครั้ง
4) ให้การสนับสนุนเป็นวงเงินอุดหนุนแก่องค์กรเกษตรกร เพื่อนำไปพัฒนาแผนหรือโครงการ ให้สมบูรณ์ แล้วจึงนำเสนอแผนหรือโครงการ เพื่อพิจารณาอนุมัติอีกครั้ง

6.หลักการวิเคราะห์โครงการและสรุปผลการวิเคราะห์โครงการ

เพื่อเสนอให้คณะกรรมอนุกรรมการจังหวัดพิจารณาอนุมัติมีดังนี้ คือ

1)เมื่อแบบนำเสนอแผนงานหรือโครงการ ได้ผ่านการกลั่นกรองเบื้องต้นแล้ว คือมีเอกสารครบถ้วนตามแบบนำเสนอแผนงานหรือโครงการ และเป็นองค์กรเกษตรกรที่มีหนังสือรับรองการขึ้นทะเบียนแล้ว
2)กลุ่มหรือทีมวิเคราะห์แผนหรือโครงการต้องเป็นบุคคลที่มีความเป็นกลาง มีคุณธรรม มีความรู้ความสามารถและเสนอผลการวิเคราะห์แผนงานหรือโครงการตามความเป็นจริง ไม่โน้นเอียงไปตามความ เชื่อ อิทธิพลและผลประโยชน์ที่ได้รับ
3)การวิเคราะห์แผนหรือโครงการจะต้องศึกษาข้อมูลตามเอกสารและลงศึกษาวิเคราะห์โครงการในพื้นที่จริงขององค์กร แล้วสรุปผลการศึกษาวิเคราะห์โครงการเป็น 3 ส่วนที่สำคัญ

3.1) ผลการวิเคราะห์โครงการเชิงปริมาณ โดยมีการให้ตั้งเกณฑ์เครื่อง ชี้วัดใน 5 ด้าน ที่สำคัญคือ

(1)ความเข้มแข็งขององค์กรเกษตรกร หรือเครือข่ายองค์กรเกษตรกรนำเสนอแผนด้วยตนเองเพื่อสร้างความเข้าใจและแลกเปลี่ยนข้อมูลโดยตรง
(2)ความเหมาะสมและเป็นไปได้ของแผนงานหรือโครงการ
(3)ผลประโยชน์ของแผนงานหรือโครงการ
(4)ความเป็นไปได้ของแผนการใช้คืนทุน
(5)ความยั่งยืนและการพึ่งตนเองได้

3.2 )ผลการวิเคราะห์เชิงคุณภาพ โดยสรุปผลการศึกษาวิเคราะห์จากเอกสารและการลงไปในพื้นที่จริงโดยการสรุปผลเชิงพรรณาที่สัมพันธ์สอดคล้องกับผลสรุปเชิงปริมาณ
3.3)สรุปความเห็นจากการวิเคราะห์แผนหรือโครงการ ที่เป็นทางเลือกสำหรับการพิจารณาอนุมัติของคณะอนุกรรมการจังหวัด โดยมีเหตุผลประกอบอย่างเหมาะสม

7. กระบวนการพิจารณาอนุมัติแผนหรือโครงการ คณะอนุกรรมการจังหวัดในการพิจารณาอนุมัติแผนหรือโครงการ ควรมีขั้นตอนสำคัญดังนี้ คือ

1)ต้องให้ผู้แทนขององค์กรเกษตรกร หรือผู้แทนเครือข่ายองค์กรเกษตรกรเสนอแผน และโครงการด้วยตนเอง เพื่อสร้างความเข้าใจและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับกองทุนโดยตรง
2)เมื่อวิเคราะห์แผนหรือโครงการแล้วให้นำเสนอผลการศึกษาวิเคราะห์แผนหรือโครงการจากเอกสารและการลงพื้นที่จริง เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณา
3)คณะอนุกรรมการจังหวัด ใช้หลักเกณฑ์การพิจารณาอนุมัติตามที่ได้มีการพัฒนาไว้ของแต่ละจังหวัด
4)เมื่อคณะอนุกรรมการจังหวัดมีมติแล้วให้แจ้งผลต่อผู้แทนขององค์กรเกษตรกรทราบและให้หัวหน้าสำนักงานจังหวัดประสานและดำเนินการให้เป็นไปตามมติของคณะอนุกรรมการจังหวัดต่อไป

8. สำหรับหลักเกณฑ์การพิจารณาอนุมัติ

แบบนำเสนอแผนหรือโครงการและแนวทางการวิเคราะห์แผนหรือโครงการรวมทั้งกระบวนการพิจารณาอนุมัติของคณะอนุกรรมการจังหวัด ให้ทุกจังหวัดร่วมกันสรุปบทเรียนจากการดำเนินงานจริงและปรับปรุงให้สอดคล้องกับความเป็นจริงของแต่ละจังหวัดได้ตามความเหมาะสมโดยไม่ให้ขัดแยง พ.ร.บ. และระเบียบที่เกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าวนี้

9.หลักประกันการกู้ยืมเงิน แบ่งเป็น 2 ประเภท ดังนี้

1)บุคคลค้ำประกัน โดยให้สมาชิกขององค์กรเกษตรกรที่ขอรับการสนับสนุนค้ำประกันเงินที่ขอกู้ยืมร่วมกันสำหรับองค์กรเกษตรกรที่ไม่เป็นนิติบุคคล หรือตามระเบียบข้อบังคัลขององค์กรเกษตรกรที่เป็นนิติบุคคล
2)ใช้ทรัพย์สินอันจากการใช้เงินกู้ยืมจากกองทุนมาผูกพันเป็นประกัน

 
Send mail to CompanyWebmaster with questions or comments about this web site.
Last modified: